ฟ้าทะลายโจรขาดตลาด 'สมศักดิ์' เสนอแนวทางการปลูก เห็นผลจากการใช้รักษานักโทษกว่าหมื่นคน

หลังจากราชกิจจานุเบกษา ประกาศ เรื่องบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ให้ฟ้าทะลายโจรอยู่ในบัญชียาหลัก รักษาผู้ป่วยโรค โควิด-19 ประกอบกับยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้ประชาชนต่างซื้อหาฟ้าทะลายโจรเพื่อเก็บไว้ที่บ้าน หากกรณีมีผู้ป่วยในครอบครัวจะได้นำฟ้าทะลายโจรรักษาเบื้องต้นได้ ทำให้ร้านยาหลายแห่งไม่มีฟ้าทะลายโจรจำหน่ายแก่ลูกค้านานนับเดือน

นอกจากนี้ สมุนไพรที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฟ้าทะลายโจรอย่างยาห้าราก จันทน์ลีลา และกระชายขาว ก็เริ่มขาดตลาดเช่นกัน เนื่องจากสามารถนำไปใช้ทดแทนฟ้าทะลายโจรได้ ขณะที่ วานนี้ (20 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. มีการประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม

โดยในช่วงหนึ่งของการประชุมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอแนวทางการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรว่า ตนมีข้อมูลการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ที่รักษาได้ 5,045 คน เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 2,100 คน และเรือนจำกลางบางขวาง 5,231 คน ดังนั้นตนจึงได้ไปศึกษาข้อมูลของฟ้าทะลายโจรเพิ่ม และทราบว่าในฟ้าทะลายโจรมีสารสกัด แอนโดรกราโฟไลด์

ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยระบุว่าสามารถยับยั้งไวรัสได้โดยต้องใช้ประมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ใช้ติดต่อกัน 5 วันจะรักษาโควิดได้ ซึ่งสารตัวนี้จะสกัดจากฟ้าทะลายโจรในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ซึ่งในการปลูก 1 ไร่จะได้ประมาณ 600 กิโลกรัม สามารถสกัดได้ประมาณ 150 กิโลกรัม ทำยาได้ 375,000 แคปซูล หากเราจะใช้กับคนไทยทั้งประเทศ ต้องใช้ 3,150 ล้านแคปซูล หรือจะต้องปลูกประมาณ 8,400 ไร่ ในส่วนของการนำต้นมาบดหยาบ 600 กิโลกรัมจะได้ประมาณ 1,300,000 แคปซูล

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรมราชทัณฑ์จะผลิตได้ประมาณ 50 ล้านแคปซูลภายใน 4 เดือน ใช้ได้กับ 50% ของผู้ต้องขังทั้งหมด และเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ตนได้หารือกับโรงงานผู้ผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร 9 บริษัท พวกเขาระบุว่าสามารถผลิตแคปซูลทั้งแบบสกัดและบดหยาบรวมแล้วประมาณ 45 ล้านเม็ดต่อเดือน ซึ่งยังมีอีกหลายโรงงานที่ตนยังไม่ได้ติดต่อไป

การใช้ฟ้าทะลายโจรนั้น จะเป็นมาตรการเสริมในการรักษาโควิด ชะลอความกังวลของผู้รอวัคซีน สามารถส่งออกได้ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย โดยปัจจุบันมีราคากิโลกรัมละ 450 บาท ซึ่งผลดีของการใช้ฟ้าทะลายโจร คือ การใช้กับกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อกินได้ทันทีโดยไม่ต้องรอผลตรวจ ใช้กับผู้ที่มีอาการคล้ายการติดเชื้อ และใช้กับผู้ที่ผลการตรวจเป็นบวกแต่ไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ตนคิดว่ากระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ ตนคิดว่าสามารถดำเนินการเป็นมาตรการเสริมได้ นอกจากนี้คนเริ่มสนใจมากขึ้นจึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาไม่ให้แพงเกินไปด้วย

ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อมูลที่ดี ขอให้กระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงสาธารณสุขแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ และขอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาร่วมกันโดยให้นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข รับผิดชอบ รวมถึงการบูรณาการร่วมกับกระทรวงอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อวางยุทธศาสตร์แพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาข้อดีข้อเสียของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้ชัดเจนว่าต้องใช้อย่างไรมีอันตรายหรือไม่ และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนอย่างถูกต้อง ตนขอให้เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ERTuskW0Gcs