สังคม

ชาวบ้านชายแดนทยอยกลับบ้าน หลังข้อตกลงหยุดยิง - EOD เร่งเคลียร์พื้นที่ เก็บระเบิดตกค้าง

2 ชั่วโมงที่แล้ว

10 views

ชาวบ้านชายแดน 4 อำเภอในจังหวัดสระแก้ว 31 ธันวาคมนี้ กลับบ้านได้ ยกเว้น บ้านคลองแผง ตาพระยา หนองหญ้าแก้วและหนองจาน ด้านตำรวจ EOD และฝ่ายปกครอง จ.สระแก้ว เข้าตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้าง เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย ขณะที่ตลาดในพื้นที่กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เริ่มคึกคักหลังชาวบ้านจากศูนย์อพยพส่วนหนึ่ง ทยอยกลับเข้าบ้าน ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าวอนภาครัฐ ช่วยเยียวยารายได้ที่หายไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) และจังหวัดสระแก้ว ได้หารือกำหนดแนวทางการอพยพประชาชน ใน 4 อำเภอ ชายแดน จ.สระแก้ว กลับเข้าที่พักอาศัยของตน ภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยคำนึงถึงบริบทพื้นที่และความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยสามารถกลับเข้าพื้นที่พักอาศัยของตนได้ ตั้งแต่ 31 ธ.ค.68 เป็นต้นไป ยกเว้น 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านคลองแผง, บ้านตาพระยา, บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน

เพื่อให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ลงพื้นที่ตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่ก่อนประชาชนเดินทางกลับ โดยจะแจ้งให้ทราบห้วงต่อไป ขอให้รับฟังข่าวสารและการแจ้งประกาศจากส่วนราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ

นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง นัดรวมพล เพื่อตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้าง ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหนองจาน อ.โคกสูง และบ้านคลองแผง บ้านตาพระยา อ.ตาพระยา ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบ และเกิดการปะทะตลอด 20 วัน

โดยการลงเคลียร์พื้นที่ เก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้าง มีชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) 8 ชุด ร่วมปฏิบัติการในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมาย อำเภอโคกสูงและอำเภอตาพระยา กำหนดให้แล้วเสร็จ ภายในวันพรุ่งนี้ (30 ธันวาคม )

ทั้งนี้ จ.สระแก้ว ได้กำหนดให้ผู้อพยพและประชาชนกลับบ้านได้ ในเช้าวันพุธที่ 31 ธันวาคม นี้ หลังทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย โดย สำนักงานขนส่งจังหวัดสระแก้ว เตรียมรถ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง จากศูนย์พักพิงจนถึงภูมิลำเนา ซึ่งมีกำลังตำรวจอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง

สำหรับการเยียวยา กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย เบื้องต้นพบว่า มี 116 หลังคาเรือน. หลังจากเหตุการณ์สงบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายในภาพรวมอีกครั้งหนึ่ง

โดยทางเจ้าหน้าที่ ได้แจ้งย้ำอีกว่า "ขอความร่วมมือประชาชน ห้ามเก็บ ครอบครอง หรือเคลื่อนย้าย อุปกรณ์ทางทหาร ยุทธภัณฑ์ วัตถุต้องสงสัย หรือ โดรน ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนโดยเด็ดขาด"

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจตลาดสดอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ หลังเมื่อวานนี้มีชาวบ้านทยอยกลับบ้าน เพื่อทำมาหากินกันแล้ว พบว่า บรรยากาศที่ตลาดเริ่มคึกคัก ไม่เงียบเหงาเหมือนช่วงที่สถานการณ์ชายแดนตรึงเครียด

นายอำพร อายุ 67 ปี พ่อค้าขายกล้วยแขก บอกว่า ตนเพิ่งกลับมาจากศูนย์พักพิง และเริ่มออกมาขายของอีกครั้ง แต่ความมั่นใจในสถานการณ์ก็ยังไม่เต็มร้อย ยังคงมีความกังวลอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ฝ่ายไทยก็เคยถูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชาหลายครั้ง จึงอยากให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ผู้ป่วยที่ไม่มีเงินไปรักษา ส่วนตัวทำอาชีพค้าขาย รายได้ก็ลดลง ขายไม่ดีเหมือนเดิม แต่ก็เข้าใจว่าในภาวะสงคราม ทุกอย่าง "ได้ไม่คุ้มเสีย" อยู่แล้ว

ด้านนางธัญญาลักษณ์ แม่ค้าในตลาดเดียวกัน บอกว่า หลังเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดน รายได้ของตนหายไปจำนวนมาก เพราะต้องอพยพออกจากพื้นที่ ทำให้คนออกมาจับจ่ายซื้อน้อยลง แม้ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่ตนก็ยังไม่ไว้วางใจ ต้องรอดูว่าการหยุดยิงจะยั่งยืนเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ยังอยู่ที่ศูนย์อพยพ ยังไม่กล้ากลับเข้าพื้นที่ในช่วงนี้ เพราะยังไม่ไว้ใจกัมพูชาว่า จะหยุดยิงจริงหรือไม่

เมื่อวานนี้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ EOD เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมตำรวจ สภ.พนมดงรัก และฝ่ายปกครองอำเภอพนมดงรัก เข้าตรวจสอบหลุมระเบิดในพื้นที่ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มจากพื้นที่หมู่บ้านสีแดง โซนปราสาทตาควายก่อน โดยจะเร่งเคลียร์พื้นที่ใกล้ชุมชนให้ปลอดภัย เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นสีแดงอพยพกลับเข้าบ้านได้

ทั้งนี้ในวันแรกชุด EOD พบหลุมระเบิด 15 หลุม เป็นระเบิดปืนใหญ่ทำงานทุกลูก แต่หากพบลูกที่ยังไม่ทำงาน ก็จะกั้นบริเวณไว้ก่อน ยังไม่สามารถทำลายได้ในเวลานี้ เพราะอาจเกิดความเข้าใจผิดได้

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่หมู่บ้านกระสุนตก ใกล้ปราสาทตาควาย ได้พบกับ นางสาววิมล แข่งเพ็ญแข ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่สีแดง ได้พาผู้สื่อข่าวดูสภาพความเสียหายของบ้านเรือน และทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ถูกสะเก็ดระเบิดจากกระสุนลูกปืนใหญ่ ที่ฝั่งกัมพูชายิงเข้ามาตกในหมู่บ้าน จนเสียหายหลายหลัง ซึ่งยังไม่รวมพื้นที่ทางการเกษตร ที่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เพราะเป็นพื้นที่อันตรายที่รอการสำรวจ

นางสาววิมล บอกว่า การปะทะกันในครั้งนี้หนักมาก ชุด ชรบ.ต้องกินนอนกันอยู่ในหลุมบังเกอร์หลบภัย ตลอดช่วงที่มีการปะทะ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายหนัก ๆ ประมาณ 4-5 หลัง และที่โดนสะเก็ดระเบิดอีกประมาณ 10 กว่าหลัง ส่วนพื้นที่ทางการเกษตร ยังไม่ได้สำรวจ คาดว่าน่าจะเสียหายเยอะอยู่เหมือนกัน ส่วนประชาชนในพื้นที่ยังไม่ได้ให้เข้ามาตอนนี้ เพราะยังเป็นพื้นที่สีแดงอยู่ ต้องรอชุด EOD เข้ามาสำรวจ และแจ้งเป็นพื้นที่ปลอดภัยก่อน ถึงจะให้เข้ามาได้ ตามระเบียบเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่สีแดง

ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เผยว่า การจ่ายเงินชดเชยครอบครัวละ 5,000 บาท จังหวัดสุรินทร์ มีฐานข้อมูลผู้อพยพที่เคยลงทะเบียนไว้แล้วจำนวนกว่า 80,000 ครัวเรือน จึงไม่ต้องสำรวจใหม่ แต่ในรอบนี้มีผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 ครัวเรือน จึงแจ้งให้ผู้ที่ยังไม่เคยได้ลงทะเบียนไว้ในรอบก่อนอีกกว่า 20,000 ครัวเรือน ไปแจ้งกับผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อรวบรวมรายชื่อให้จังหวัดเสนอรัฐบาลช่วยเหลือเพิ่มเติม



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/FJzvz48Kaqw

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ชายแดนไทยกัมพูชา ,EOD ,หยุดยิง

คุณอาจสนใจ

Related News