ชาวบ้านผวากัมพูชาโจมตี หลังได้ยินเสียงตู้ม ด้าน 'กองทัพภาค 2' ยันไร้เหตุ คาดทหารกัมพูชาเหยียบกับระเบิด

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ไม่มีเหตุ แต่มีรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ยังพบการยั่วยุ ของฝ่ายกัมพูชา ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืน ที่มีคนในพื้นที่ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด ทำให้มีหลายกระแสในโซเชียล ยืนยันว่า "ไม่ได้เกิดขึ้นในฝั่งไทย"



กองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภาพรวมเหตุการณ์ปกติ และมีรายงาน เช่น พบกัมพูชามีการยั่วยุ ตะโกนกล่าวหาว่าไทยรุกล้ำ "หากเข้ามาระวังเหยียบกับระเบิด" นอกจากนี้ พบโดรน 5 ลำ รถยนต์ รถบรรทุก หลายคันเข้าพื้นที่



ขณะที่เมื่อคืน ช่วงประมาณ 20.50 น. ซึ่งมีข้อมูลจากบางเพจ โพสต์ระบุว่ากัมพูชายิงปืนใหญ่ใส่ฐานปราสาทตาควาย และต่อมาในพื้นที่ก็มีรายงานว่าได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด ทำให้เกิดข่าวลือในโซเชียล



โดยกองทัพภาคที่ 2 รีบชี้แจงทันทีว่า ขออย่าตื่นตระหนัก ยืนยันพื้นที่ตาควาย ไม่มีการปะทะ ก็บอกว่า เสียงที่ดังคล้ายระเบิด เกิดขึ้นในบริเวณปราสาทตาควายฝั่งกัมพูชา "ไม่ได้เกิดในฝั่งไทย" คาดว่าทหารกัมพูชา อาจเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายตัวเองวางไว้



ส่วนเรื่องคลิปทหารกัมพูชา ที่เห็นชัดเจนทั้งสาธิต และลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทย ซึ่งทางกัมพูชา ออกมาปฏิเสธทันที และกล่าวหาไทยจัดฉาก



ล่าสุด เพจกองทัพบกทันกระแส โพสต์ย้ำข้อมูล เมื่อวานโพสต์เป็นภาษาไทย วันนี้เป็น ภาษากัมพูชา ระบุ "เชิญพลังคนไทย ส่งไปบอกเขมร" เป็นการจับโป๊ะกัมพูชา ยืนยันบุคคลในคลิป และภาพนิ่ง ว่ามีตัวตนจริง ไล่เรียงแต่ลจุด เริ่มจากภาพทหารกัมพูชา ที่เคยถ่ายกับทหารไทย ช่วงเคยลาดตระเวนร่วมกัน และวงกลมสีแดง ทหารกัมพูชานายนึง พร้อมขึ้นข้อความว่า เห็นยืนอยู่ใกล้ๆ ไว้ใจไม่ได้เลย ก็เปิดชื่อว่าคือ ร้อยตรี อุม เซ็ง เทียบชุดพรางลายเดียวกัน กับในภาพนิ่งที่กำลังลักลอบวางทุ่นระเบิด และร้อยตรี อุม เซ็งคนนี้ ยังปรากฏอยู่คลิปที่กำลังสาธิตการใช้งานทุ่นระเบิด PMN-2 ด้วย รวมถึงยังภาพ ยังเทียบใบหน้า เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน



ซึ่งขั้นตอนของฝ่ายไทย กระทรวงการต่างประเทศ จะนำหลักฐาน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงและอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ไปประกอบการชี้แจงฟ้องกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา เป็นการเฉพาะวันที่ 22 ส.ค.นี้



เช้าวันนี้ไปยังหมู่บ้านใกล้ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พบว่าส่วนใหญ่ ยังคงเฝ้าระวังต่อสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ถึงแม้หลายคนจะบอกว่า ตกใจแต่ก็ชินกับเสียงเหล่านี้แล้ว แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะอพยพตลอดเวลา และจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในช่วงนี้ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หลายคนที่มีสวนยาง ต้องปรับเปลี่ยนเวลาในการกรีดยาง จากเคยกรีดช่วงกลางคืน บางคนก็มากรีดในช่วงเช้า หรือบางคนก็กรีดในช่วงเย็นแทน



นายเจริญอุดม อายุ 58 ปี พ่อค้าขายไก่ย่างส้มตำในหมู่บ้าน บอกว่า เมื่อคืนได้ยินแค่ตูมเดียว รู้สึกเฉย ๆ ชินแล้ว อยู่ชายแดน แต่ก็มีการเตรียมพร้อมไว้อยู่บ้าง หลายคนเตรียมรถพร้อมอพยพ แต่ก็ยังไม่มีใครออกไป ต้องได้ยินหลายตูมก่อน ซึ่งก็คิดว่าสถานการณ์ตอนนี้คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ในหมู่บ้านเงียบกันไปหมดหลังอพยพกลับมา ก็ไม่ได้มีการใช้ชีวิตสงบปกติเหมือนเมื่อก่อนแล้ว วิถีชีวิตเปลี่ยน และคอยเฝ้าดูโดรนบินบนท้องฟ้าในช่วงเย็น



ขณะที่นายบุญศรี ชาวบ้านที่ออกไปกรีดยาง บอกว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงอยู่ ก็เฉยๆ แต่ถ้าได้ยินหนักกว่านี้ ก็จะอพยพเหมือนกัน เพราะเตรียมพร้อมเก็บสิ่งของสำคัญ เช่น ยา เสื้อผ้า และทรัพย์สิน แล้ว หากมีเกิดการก็สามารถออกจากพื้นที่ได้ทันที กลางคืนนอนก็เฝ้าฟังอยู่ตลอด



เช่นเดียวกับ นางเล็ก แม่ค้าขายของชำในหมู่บ้าน บอกว่า เตรียมพร้อมเหมือนทุกคนในหมู่บ้าน ทุกวันนี้ชาวบ้านก็อยู่กันอย่างหวาดระแวง ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตหลายอย่าง ถ้าไม่ออกไปทำงาน ก็ไม่มีจะกิน เพราะหนี้สินก็ต้องตามจ่าย ถ้าสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อเป็นแบบนี้ต่อไป ก็ไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหนแล้ว

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/hWI6kza5Evw