หนุ่มวัย 27 โดนยิงแสกหน้าดับ คาดปมขัดแย้งยาเสพติด แม่ร่ำไห้ ขวางตร.นำศพชันสูตร

หนุ่ม 27 ถูกยิงแสกหน้าดับคาเถียงนา พบถูกยัดแบงก์ 500 ใส่กระเป๋า ตำรวจพุ่งเป้าพัวพันยาเสพติด ขณะที่แม่ไม่ติดใจลูกถูกฆาตกรรม ไม่ยอมให้ตำรวจนำร่างลูกไปชันสูตร



ตำรวจ สภ.เพ็ญ จังหวัดอุดรธานี ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณเถียงนา บ้านหนองบัวบาน ตำบลสุมเส้า อำเภอเพ็ญ ในที่เกิดเหตุพบศพ นายพรชัย แสงดี หรือบิ๊ก อายุ 27 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด 3 นัด บริเวณหน้าผากทะลุท้ายทอย 1 นัด ขมับขวา 1 นัด และหน้าอกซ้าย 1 นัด เสียชีวิตใกล้กับกระชังปลา สวมเสื้อกั๊กสีน้ำเงิน ปักตัวอักษรด้านหลัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. สวมกางเกงยีนส์สามสวน รองเท้าแตะสีดำ



ตรวจค้นพบไฟแช็กดัดแปลง 1อัน ธนบัตร 500 บาท แว่นตากันแดด ตลับเมตร ซองยาเส้น และพบกระดาษฟอยล์คล้ายใช้เสพยาบ้าจำนวนหนึ่งตกอยู่ใต้เถียงนา ไม่พบร่องรอยการต่อสู้



เจ้าหน้าที่ทำการชันสูตรพลิกศพพบว่า ในพื้นที่มีร่องรอยล้อรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่เกิดเหตุ จำนวน 2 รอย ซึ่งผู้ตายไม่ได้ขี่รถมาที่เกิดเหตุ เพราะบ้านกับจุดเกิดเหตุไม่ไกลกัน ผู้ตายเดินมาที่นาของครอบครัวตัวเอง



โดยนางเพ็ญศรี อายุ 57 ปี แม่ของผู้ตายนั่งร้องไห้ดูศพลูกด้วยความเสียใจ และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นำศพลูกไปโรงพยาบาล และจะนำศพลูกมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน ทำให้ตำรวจอธิบายว่า กรณีถูกฆาตกรรมต้องนำศพไปผ่าชันสูตร หาหัวกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในร่าง เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้าย นางเพ็ญศรีจึงยินยอม



ส่วนนายคำตา พ่อเลี้ยงของผู้เสียชีวิต บอกว่า ผู้ตายไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ กกต. แต่เสื้อกั๊กเป็นของน้องชายพ่อเอามาให้พ่อใส่ แต่ผู้ตายมาขอยืมพ่อไปใส่ เพื่อความเท่ห์ และดูเป็นเหมือนเจ้าหน้าที่น่าเกรงขาม



ปกติผู้ตายไม่ค่อยสุงสิง หรือเคยมีเรื่องกับใคร และมักออกจากบ้านไปหาเพื่อนอยู่เป็นประจำ บางครั้งก็ไปตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงค่ำแล้วค่อยกลับบ้าน ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ส่วนสาเหตุการถูกยิงครั้งนี้ พ่อยอมรับว่าไม่รู้สาเหตุ และไม่รู้ว่าลูกเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่



ต่อมา นางเพ็ญศรี แม่ของนายบิ๊ก ได้นำร่างของนายบิ๊ก มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าในหมู่บ้าน โดยระหว่างที่กำลังจัดเตรียมงานศพอยู่นั้น ตำรวจ สภ.เพ็ญ เดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร เพื่อมาขอเจรจานำศพนายบิ๊กไปตรวจชันสูตรตามขั้นตอนกฎหมาย



แต่ปรากฎว่าระหว่างนั้น แม่เสียงดังโวยวายใส่ตำรวจว่า ตอนแรกให้ข้อมูลว่าการนำศพไปตรวจชันสูตรไม่เสียเงิน พอแม่นำร่างลูกไปส่งตรวจชันสูตร กลับมีการเรียกเก็บเงินทั้งจากโรงพยาบาลและมูลนิธิแห่งหนึ่ง รวมเป็นเงิน 4,700 บาท แม่ไม่มีเงินจึงนำศพลูกกลับมาทำพิธีสวดบำเพ็ญกุศล และจะเผาในวันพรุ่งนี้



แต่ทางพนักงานสอบสวนเข้ามาห้ามเนื่องจากต้องนำศพไปผ่าชันสูตร เพราะเป็นคดีฆาตกรรม จังหวะนี้ นางเพ็ญศรี ก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงดังใส่ตำรวจว่า มาเอาอีกแล้ว ใครจะรับประกันว่าไม่ต้องเสียเงินถ้าไปรับศพ ทางร้อยเวรเจ้าของคดียืนยันว่าจะไม่ให้มีค่าใช้จ่าย ตำรวจจะเป็นผู้รับผิดชอบโดยมีผู้ใหญ่บ้านช่วยค้ำประกัน จากนั้น จึงนำนักเรียนตำรวจฝึกหัด 10 นาย ช่วยกันยกโลงศพขึ้นรถไปชันสูตรที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี



ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี มีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ผู้ตายเคยมีประวัติถูกจับครอบครองยาบ้า และครอบครองอาวุธปืนเมื่อปี 2558 ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขอเงินแม่ 200 ก่อนออกจากบ้าน กระทั่งมาพบเป็นศพ เบื้องต้นมุ่งประเด็นหักหลังธุรกิจผิดกฎหมายพัวพันยาเสพติด ซึ่งผู้ตายอาจจะซื้อจากผู้ค้าต่างหมูบ้าน นำยามาเสพและขาย เนื่องจากพบไฟแช็กดัดแปลง สำหรับเสพยา ทั้งนี้สันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมากัน 2 คน และรู้จักผู้ตาย จากนั้นผู้ตายอาจไม่จ่ายเงินจึงมีการทวงถาม เมื่อตกลงกันไม่ได้จึงยิงผู้ตาย แล้วมีการเอาเงิน 500 บาท ยัดใส่กระเป๋ากางเกงผู้ตาย เป็นการส่งทางไปสัมปรายภพ ตามความเชื่อของคนท้องถิ่น