สังคม
ผู้เสียหายรวมตัวร้อง ร้านทองตุ๋นลงทุน สุดท้ายจ่ายไม่ไหว อ้างขาดสภาพคล่อง สูญรวม 400 ล้าน
30 เม.ย. 2568
3.5K views
ผู้เสียหายร้านทองชื่อดังย่านเยาวราช กว่า 60 คนรวมตัวร้อง หลังถูกหลอกให้ซื้อและขายทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ รวมถึงลงทุนเทรดทอง เสียหายรวม 400 กว่าล้านบาท เคยบุกทวงถามถึงเจ้าของร้านอ้างขาดสภาพคล่อง ราคาทองผันผวน และถูกพนักงานยักยอกทุจริต ทั้งทองและเงินหายวับไปกับตา ไม่มีจ่ายเยียวยาผู้เสียหาย ขอยืดเวลา 1 ปีผ่อนชำระพร้อมดอกเบี้ย
ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้พูดคุยกับ เฮียเซม บอกว่า ตนเปิด ร้านทองมาประมาณ 20 ปี ก่อนหน้านี้ทำการซื้อขายทองคำจากร้านค้าส่งทองคำ ร้านเก่าแก่ ที่อยู่ภายใต้สมาคมค้าทองคำ จนกระทั่งประมาณ 2 ปีก่อน ตนได้รู้จักกับร้านค้าส่งทองคำร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านค้าส่งทองคำที่เปิดมาได้เพียง 14 ปี แต่ก็ได้รับความนิยมจากร้านค้าทองรายย่อยเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ภายใต้สมาคมค้าทองคำด้วยและที่สำคัญ ให้ราคาดีกว่าร้านค้าส่งทองคำร้านอื่น ตนจึงตัดสินใจลองซื้อทองคำแท่งจากร้านนี้ดูเพื่อมาขายที่หน้าร้านตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร
กระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2567 ตนลองนำทองรูปพรรณจากลูกค้าของร้านตนเอง ไปขายให้กับร้านดังกล่าวดูบ้าง ซึ่งต้องยอมรับว่า ร้านนี้รับซื้อราคาดีกว่าร้านอื่นๆ โดยช่วงแรกพฤศจิกายน ธันวาคม 2567 ถึง มกราคม 2568 ซื้อขายกันก็จ่ายเงินปกติ พอมาเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ตนก็นำทองรูปพรรณไปขายตามปกติ แต่ทางร้านดังกล่าวเริ่มขอเครดิต 2 - 5 วันในการจ่ายเงิน แม้จะจ่ายช้าแต่ก็ยังจ่ายปกติและให้ราคาดีกว่าร้านอื่นๆ ตนก็ทำการค้าขายด้วยเรื่อยมา
ต่อมาเดือนมีนาคม 2568 ทางร้านเริ่มขอเครดิตเพิ่มเป็น 7 - 10 วัน แต่ตนก็ยังไว้ใจเพราะเห็นว่าเป็นร้านใหญ่และอยู่ภายใต้สมาคมฯ ตนจึงขนทองคำรูปพรรณของลูกค้าไปขายตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 4 - 14 มีนาคม 2568 ทยอยไปขายทุกวัน น้ำหนักทองคำรวม 44 กิโลกรัม
ซึ่งจะครบเครดิตทองชุดแรกที่นำไปขายวันที่ 4 มีนาคม ตนจะต้องได้รับเงินวันที่ 14 มีนาคมปรากฏว่า ไม่ได้รับเงินสักบาท พอติดต่อทวงถามไปที่เจ้าของร้าน ซึ่งตนได้คุยกับกรรมการผู้จัดการของร้าน ได้คำตอบว่าตอนนี้ทางร้านประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและมีการทุจริตกันภายในทำให้ไม่มีเงินมาจ่าย ตนก็ยังทำใจดีสู้ ขอทองทั้งหมด 44 กิโลกรัมคืน ทางร้านบอกว่า ทองก็ไม่มีแล้วเหมือนกัน ทางร้านยื่นข้อเสนอใหม่มาว่า ยอดเงินที่ทางร้านต้องจ่ายให้กับเฮียเซม 116 ล้านบาท เปลี่ยนเป็นเงินที่เฮียเซมเอามาลงทุนกับทางร้านดีไหมและทางร้านจะทยอยจ่ายเงินคืนให้คล้ายเงินปันผลพร้อมดอกเบี้ยอีก 8%
เฮียเซม บอกว่า ตนก็ปฏิเสธ ไม่รับข้อเสนอดังกล่าว เพราะตนนำทองรูปพรรณไปขายหวังที่จะได้เงินมาจ่ายให้กันลูกค้า ซึ่งตอนนี้ตนก็ต้องแบกรับภาระ หาเงินสำรองมาจ่ายให้กับลูกค้าของตนก่อน รวมถึงทองคำรูปพรรณและทองคำแท่งที่มีสต๊อกอยู่ทางร้านก็ต้องขายทั้งหมดเพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับลูกค้าแต่ก็ยังไม่พอ ทำให้ตอนนี้ทั้งร้านทองของเฮียเซม ต้องปิดชั่วคราวเพราะไม่เหลือทองสักเส้นไว้ขายให้กับลูกค้า แถมยังต้องแบบภาระหนี้สินไว้อีก
จึงสงสัยว่าร้านค้าส่งทองคำดังกล่าว มีเจตนาฉ้อโกงหรือไม่ ตนจึงรวบรวมผู้เสียหายกว่า 61 รายไปแจ้งความไว้ที่ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. แต่คดีก็ยังคืบหน้าไม่มาก
ตนนำทองคำ น้ำหนักรวม 44 กิโลกรัม ไปเอาไปขายให้ร้ายทองขายส่งย่านเยาวราช ซึ่งจะต้องได้เงิน 116 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า ทางร้านทองส่งทองคำ ไม่ยอมจ่ายเงินขอทองคำคืนก็ไม่ได้
ด้านเฮียโต ผู้เสียหายอีกราย บอกว่าตนจะซื้อทองรูปพรรณและทองคำแท่งจากร้านค้าส่งทองคำที่อยู่ภายใต้สมาคมค้าทองตลอด ซึ่งจะดูตามราคาทองขึ้นลงและดูว่าร้านไหนให้ราคาดี โดยร้านดังกล่าว ก็อยู่ภายใต้สมาคมฯและเหตุผลที่ตนเลือกซื้อขายทองจากร้านนี้ เนื่องจากราคาดี โดดเด่นกว่าร้านอื่นมาก ซึ่งเป็นช่วงกลางเดือนมีนาคม ตนจึงตัดสินใจขายทองคำแท่งหนัก 40 บาท
ซึ่งปกติจะต้องนำทองคำแท่งไปขายที่ร้านดังกล่าวซึ่งอยู่ย่านเยาวราช แต่วันนั้น ประมาณวันที่ 20 มีนาคม ร้านดังกล่าวบริการดีเป็นพิเศษ ส่งคนมารับทองคำแท่งหนัก 40 บาทถึงร้านเลย โดยตกลงราคาซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 1,900,000 บาท ทางร้านดังกล่าวขอเครดิต 7 วัน ตนจะต้องได้รับเงินในวันที่ 27 มีนาคม ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่ได้พูดคุยหรือสอบถามกับทางเฮียเซมหรือเพื่อนร้านค้าทองด้วยกัน ว่ามีปัญหาการซื้อขายทองคำกับร้านดังกล่าวนี้ไหม
กระทั่งถึงวันที่ 27 มีนาคมครบกำหนดที่ตนจะต้องได้รับเงิน พอติดต่อทวงถามไปปรากฏว่าทางร้านแจ้งว่า ไม่มีเงินจ่าย ตนตัดสินใจเดินทางไปที่ร้านค้าทองดังกล่าว พอไปถึงพบว่า ร้านปิด ตนจึงโทรศัพท์ไปหาระดับผู้บริหารร้านค้าทองดังกล่าว แต่อ้างว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นผู้บริหารแล้วเป็นเพียงแค่ผู้ถือหุ้นพร้อมแจ้งว่า เกิดปัญหาการบริหารภายใน ขายทองเร็วกว่ากำหนดทำให้ขาดทุนและขาดสภาพคล่อง และ ที่ต้องปิดร้านเพราะประตูพัง , ตนพยามขอทองคำแท่ง 40 บาทคืน แต่ทางร้านก็บอกว่าไม่มีแล้วเพราะขายไปแล้ว ตนบอกอีกว่า งั้นขอทองคำแท่ง แท่งอื่นก็ได้ที่น้ำหนัก 40 บาทเท่ากัน ทางร้านก็บอกว่า ทองในร้านก็ไม่เหลือแล้วขายไปหมดแล้ว
โดยภายหลังผู้เสียหายเริ่มรวมตัวกัน จะไปแจ้งความที่กองปราบปรามฯ ทาง บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จำกัด หรือ SCT ร้านค้าส่งทองคำดังกล่าง ได้ออกเอกสารชี้แจง เรื่อง แจ้งระงับการโอนชำระและดำเนินธุรกรรมชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจาก
1. สภาวะความผันผวนของราคาทองคำในตลาดส่งผลให้บริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงิน
2. การถอนสินทรัพย์ของลูกค้ารายใหญ่พร้อมๆกันหลายราย
และ 3. การดำเนินการบันทึกบัญชีที่ผิดพลาดมาในอดีตขาดทุนมากทำให้บริษัทต้องถูกหักเงินจากระบบซึ่งส่งผลให้บริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ทางบริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบและหาทางแก้ไข โดยเตรียมประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนและแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน บริษัทขออภัยในความไม่สะดวกและจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/SUkGJOWEREI
แท็กที่เกี่ยวข้อง