สังคม
โผล่อีก แท็กซี่ขับขวางรถพยาบาล ทำผู้ป่วยฉุกเฉินดับในรถ ตร.เตรียมเรียกโชเฟอร์สอบ ดำเนินคดี
29 เม.ย. 2568
88 views
แท็กซี่ย่ามใจ ขับขวางรถพยาบาล โรงพยาบาลป่าตอง สุดสลดผู้ป่วยฉุกเฉินวัย 62 ปี เสียชีวิตในรถฉุกเฉิน เตรียมเรียกโชเฟอร์สอบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภาพจากกล้องหน้ารถ บันทึกเหตุการณ์ ขณะที่รถพยาบาลของโรงพยาบาลป่าตอง ขับเปิดไซเรนของทางอยู่ที่บริเวณถนนกมลา-ป่าตอง ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต แต่จู่ๆ กลับเจอรถแท็กซี่ป้ายเขียวขับอยู่ชิดซ้ายสุดและลดความเร็วมาเบียดข้างรถพยาบาล ทำให้รถทั้ง 2 คัน ต้องหยุดชะงักอยู่บนถนน ซึ่งเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายในรถฉุกเฉิน
ในโพสต์ของเพจภูเก็ตไทม์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย อายุ 77 ปี มีประวัติเป็นโรคหัวใจ ได้เกิดอาการหน้ามืดในสวนทุเรียนชุมชนกมลา ญาติประสานโรงพยาบาลป่าตองให้ส่งทีมฉุกเฉินมารับตัวตั้งแต่เวลา 08.15 น. ของวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา
เมื่อรถพยาบาลถึงที่เกิดเหตุแล้วรีบนำผู้ป่วยขึ้นรถ และออกวิ่งมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต เพื่อส่งรักษาต่อ แต่ระหว่างทาง ปรากฏว่าแท็กซี่ป้ายเขียวคันหนึ่ง ฝ่าฝืนไม่หลีกทาง ขับอยู่ชิดซ้ายสุดและลดความเร็ว ทำให้รถฉุกเฉินไม่สามารถเร่งความเร็ว เพื่อปั๊มหัวใจผู้ป่วยได้ทันท่วงที เบื้องต้นทีมแพทย์ฉุกเฉินพยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ และยืนยันเสียชีวิตในเวลาประมาณ 08.45 น.
หลังภาพนี้เผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็น บางก็ว่า ดำเนินคดี ยึดใบขับขี่ ไล่มันกลับบ้านไปทำนา , ใจทำด้วยอะไร คนแบบนี้แย่มาก , และคนแบบนี้ไม่มีน้ำใจกับใครขอให้เวรกรรมตามทัน เป็นต้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังลูกสาวของผู้เสียชีวิต ชื่อคุณเมย์ (นามสมมุติ) เล่าว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน เวลาเช้าคุณพ่ออายุ 77 ปี ได้ไปดูคนงานเก็บผลสตอที่อยู่ในสวนใกล้บ้าน ระหว่างนั้นเกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ญาติที่อยู่ด้วยกันจึงรีบแจ้งไปยัง 1669 เพื่อขอรถฉุกเฉินมารับตัว และได้รับการประสานงานจาก อบต.กมลา นำผู้ป่วยส่งต่อไปยังจุดรับเปลี่ยนรถที่ถนนกมลา-ป่าตอง ซึ่งเป็นรถฉุกเฉิน ของทางโรงพยาบาลป่าตอง นำส่งต่ออีกที
ขณะนั้นคุณพ่อยังพอมีชีพจรตอนอยู่บนรถฉุกเฉิน แต่พอรถขับมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางแคบ พบมีแท็กซี่ไม่ยอมหลบทางให้ รถฉุกเฉินจึงต้องลดความเร็ว จากนั้นแท็กซี่ได้ขับเข้ามาชนข้างรถฉุกเฉิน จังหวะนั้นคุณพ่อยังมีชีพจร แต่อาการทรุดลงและเสียชีวิตภายใน
หลังเกิดเหตุไม่มีใครจากฝั่งคนขับแท็กซี่ติดต่อขอโทษ หรือชี้แจงใดๆ เลย ทำให้ญาติรู้สึกเสียใจและคาใจมาก ซึ่งครอบครัวไม่ได้ต้องการเอาผิดรุนแรง เพียงต้องการให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ใช้ถนนทุกคน เพียงแค่หลบข้างทางเมื่อได้ยินไซเรน เหตุการณ์อาจไม่บานปลาย ถ้าคุณหลบให้รถฉุกเฉินไปก่อนอาจช่วยชีวิตคุณพ่อได้
ขณะที่ ตำรวจ สภ.ป่าตอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะเรียกคนขับแท็กซี่มาสอบสวน เบื้องต้นตั้งข้อหาขับขี่กีดขวางรถฉุกเฉิน และละเมิดสิทธิผู้ป่วยเอาไว้ก่อน ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบเส้นทางการสัญจรเพื่อปรับปรุงมาตรการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมรณรงค์ให้ผู้ใช้ถนนหลีกทางรถฉุกเฉิน เพื่อป้องกันเหตุสูญเสียซ้ำซากในอนาคต
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/mZH-Gkrk7Lk
แท็กที่เกี่ยวข้อง