สังคม
สาวร้องแม่อดีตผัวหมอ กีดกันรัก ซ้ำหลังคลอดยังบุกแย่งลูกไปต่อหน้า วอนขอลูกคืน
3 เม.ย. 2568
4.1K views
มีสาวปริญญาโทรายหนึ่งร้องไปยังคุณต้นอ้อ ว่า ถูกแม่ผัวกีดกันไม่ต้อนรับเป็นลูกสะใภ้ ขนาดตั้งท้องอยู่ยังไม่เห็นใจ หลังคลอดลูกได้เดือนเดียว แม่ผัวบุกมาแย่งเด็กไปต่อหน้าต่อตา เธอพยายามต่อสู้แย่งลูกกลับคืนมา แต่ก็สู้แรงไม่ไหว
ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ได้พูดคุยกับ น้องฝน (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี เล่าให้ฟังว่า เธอเองรู้จักกับ อดีตสามี ที่เป็นคุณหมอในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผ่านทาง Application หาคู่ ประมาณปลายปี 2566 ฝ่ายชายแสดงตัวตนชัดเจนว่า มีอาชีพเป็นหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนตัวเธอเอง เป็นนักศึกษาปริญญาโทเพิ่งจบใหม่และอยู่ระหว่างหางานทำ
หลังจากนั้นพูดคุยกันเรื่อยมานานประมาณ 2 เดือนจึงมีการนัดเดทกันครั้งแรกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเดทแรก เธอรู้สึกแปลกๆหลายอย่าง เพราะฝ่ายชายจะขอให้เธอหารและแชร์กันทุกอย่างแม้กระทั่งค่ารถไฟฟ้าหรือค่า vat และเซอร์วิชชาร์จ , แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะสามารถแชร์กันและจ่ายได้
หลังจากนั้น ต่างก็หายขาดการติดต่อกันไป ต่อมาฝ่ายชายกลับมาติดต่อหาเธออีกครั้ง ครั้งนี้คุยกันจริงจังมากขึ้นจนตกลงเป็นแฟนกันและฝ่ายชายพาเธอมาเปิดตัวที่โรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ กินข้าว เดินจับมือกัน โดยที่หมอไม่ได้มีท่าทีปิดบังหรือกลัวใครเห็น
ซึ่งหลังจากเป็นแฟนกัน นายแว่นก็ขนข้าวของย้ายมาอยู่กับเธอที่หอพักย่านสะพานพระราม 8 โดยที่ค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟต่างๆเธอเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนของใช้อะไรที่ซื้อมาใช้ร่วมกันก็หารครึ่ง
ขณะที่คบกัน เธอก็พยายามตรวจสอบว่าฝ่ายชายมีแฟนมั้ย ปรากฎว่าเป็นคนเจ้าชู้ และพฤติกรรมตาม Follow IG ของสาวๆสวยๆ ไม่ต่ำกว่า 3,000 คน นอกจากนี้ เธอยังจับได้ว่า หมอยังแอบเล่น Application หาคู่และมีการนัดเจอกับผู้หญิงใน App เพื่อไปมีเพศสัมพันธ์กัน
นอกจากนี้ น้องฝน ยังบอกว่า ทุกครั้งที่มีปัญหากันหมอจะเอาเรื่องไปฟ้องแม่ของตัวเองตลอด และยิ่งทำให้แม่ของหมอไม่ค่อยชอบเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจขอเลิก และเธอก็ท้อง แต่สุดท้ายก็เลิกกับหมอไม่ได้
หลังจากนั้นก็กลับมาคบกันตามปกติ และเธอก็ขอให้หมอหยุดพฤติกรรมเล่น App หาคู่หรือนัดเจอผู้หญิง ซึ่งหมอก็หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้เพราะเป็นความชื่นชอบส่วนตัว
ขณะตั้งท้อง ฝ่ายชายก็ไม่ด้ดูแลเธอเลย แม้กระทั่งฝากครรภ์เธอยังต้องนั่งรถไปฝากครรภ์เอง ส่วนค่าใช้จ่าย ฝ่ายชายขอรับผิดชอบ 60/40 ( ฝ่ายชาย 60 , ฝ่ายหญิง 40 )
ซึ่งฝ่ายชายไม่ได้แนะนำหรือชักชวนให้เธอมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลที่ตัวเองทำงานอยู่ด้วย แต่เธอไม่ได้คิดอะไร , เธอและฝ่ายชายเคยมาพูดคุยกันเรื่องจดทะเบียนสมรสและจัดงานแต่งให้ถูกต้อง ทางฝ่ายชายไปปรึกษากับแม่ของฝ่ายชายเองได้ข้อสรุปว่า ไม่จดทะเบียนสมรส
หลังจากนั้น ฝ่ายชายก็จัดงานแต่งให้เธอ แต่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเธอก็ไม่ได้เรียกร้องค่าสินสอดสักบาท ซึ่งวันงาน แขกทางฝั่งของเธอ 500 คน ส่วนแขกทางฝั่งฝ่ายชายมา 3 คน คือ แม่, น้องชาย และ พี่ชายของหมอ
หลังจากงานแต่ง เธอก็หวังว่า ชีวิตคู่จะดีขึ้น แม่สามีอาจจะเปิดใจรับเธอมากขึ้น ตอนนั้นอายุครรภ์ได้ 4 เดือน ฝ่ายชายพาเธอไปที่บ้านแม่ย่านสาทรเป็นอาคารพาณิชย์ติดริมถนน ซึ่งพอไปถึงบ้าน ฝ่ายชายให้เธอนั่งรออยู่ที่รถไม่ให้เข้าไปในบ้านเพราะว่า แม่สั่งห้ามไว้ ซึ่งเธอทราบมาตลอดแล้วว่า แม่ฝ่ายชายไม่ค่อยปลื้มเธอเท่าไหร่นัก แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้ ซึ่งแม่ฝ่ายชายจะดูถูกเธอตลอดว่า ตั้งใจปล่อยให้ท้องเพื่อจะจับลูกชายเขา โดยวันนั้นเธอนั่งในรถนานเกือบ 2 ชั่วโมง
จนกระเพาะปัสสาวะอักเสบและต้องแอดมิดโรงพยาบาลทันที โดยที่ฝ่ายชายทิ้งให้เธออยู่โรงพยาบาลคนเดียวลำพัง
น้องฝน เล่าอีกว่า หลังเธอออกจากโรงพยาบาล แม่ของฝ่ายชายออกอุบายขอมาดูที่หอพักว่า กินอยู่กันยังไง พอเธอหลงเชื่อให้มาหา ปรากฎว่า แม่สามีพาชายฉกรรจ์มาด้วย 2 คน และสวมใส่ถุงมือก่อนเข้ามารื้อค้นภายในห้องพักของเธอและขนข้าวของเสื้อผ้าของใช้ต่างๆของฝ่ายชายกลับออกไปทั้งหมด และสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับลูกชายของเขาอีก ส่วนเด็กหลังคลอดแล้วให้เอาเด็กมา ทางบ้านฝ่ายชายจะเลี้ยงเอง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอเครียดจนมีภาวะซึมเศร้า
ซึ่งจากนั้นฝ่ายชายก็ขาดการติดต่อและหายไปเลย จนกระทั่งวันที่เธอคลอดลูกเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางฝ่ายชายและแม่ฝ่ายชายมาปรากฏตัวที่ห้องรอคลอดและ เอาเอกสารสัญญามาให้เธอเซ็น โดยมี 2 ทางเลือก 1.หลังคลอดให้ยกลูกให้ทางบ้านฝ่ายชายและจะให้เงินเดือนละ 10,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่า ฝ่ายหญิงรวมถึงครอบครัวฝ่ายหญิงต้องไม่มา ยุ่งเกี่ยววุ่นวายอีก
2.หากฝ่ายหญิงจะเอาเด็กไปเลี้ยงดูเอง ก็ต้องตัดขาดกับทางฝ่ายชายโดยที่ฝ่ายชายจะไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูใดๆ และไม่รับรองบุตร
น้องฝน บอกว่าตอนนั้นเธอเลือกอะไรไม่ได้และกำลังนอนอยู่บนเตียงรอคลอด เธอเครียดมาก
สุดท้ายปัญหาก็ยังคาราคาซังจนกระทั่งหลังคลอด เธอรีบเอาลูกกลับมาเลี้ยงที่บ้านต่างจังหวัด ทางฝ่ายชายและแม่ฝ่ายชายก็พยายามมาบีบบังคับให้เธอเลือกและเซ็นสัญญา จนสุดท้ายเธอเซ็นสัญญาและเลือกข้อ 1.ยกลูกให้ทางบ้านฝ่ายชายและได้รับเงินเดือนละ 10,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่า ฝ่ายหญิงรวมถึงครอบครัวฝ่ายหญิงต้องไม่มา ยุ่งเกี่ยววุ่นวายอีก แต่หลังจากนั้นเธอรู้สึกคิดถึงลูก อยากเจอลูก จึงขอร้องทางบ้านฝ่ายชาย , ซึ่งบ้านฝ่ายชายก็ยอมให้เจอ โดยสลับกันเอาลูกไปเลี้ยงคนละ 3-4 วัน
กระทั่งวันเกิดเหตุ แม่ฝ่ายชายขอเข้ามารับหลาน ซึ่งนัดกันที่บ้านของพี่ชายของเธอและครั้งนี้เธอรู้สึกแปลกๆ ว่าถ้ายอมให้ลูกไปอยู่ทางบ้านฝ่ายชายรอบนี้จะทำให้เธอไม่ได้เจอลูกอีก พอฝ่ายชายและแม่มาถึงก็ขออุ้มหลาน ซึ่งเธอและแม่ของเธอที่นั่งอยู่บนโซฟาจึงถามไปว่ารอบนี้เอาไปกี่วัน และจะให้เธอได้เจอลูกอีกเมื่อไหร่ , แม่ฝ่ายชาย ตอบกลับมาแบบห้วนๆ ไม่รู้ ชั้นขอคิดดูก่อน , เธอจึงพยายามเข้าไปแย่งลูกกับคืนเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ
หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา เธอก็ไม่ได้เจอหน้าลูกอีกเลยและฝ่ายชายก็บล็อคเธอทุกช่องทาง เธอทำถึงขั้นไปแอบดูตามถังขยะรอบๆบ้านของฝ่ายชายว่า มีของใช้ พวกแพมเพิสหรืออะไรที่เป็นของเด็กทารกมาทิ้งไว้บ้างหรือไม่ แต่ก็ไม่มีอะไรเลยที่เป็นหลักฐานหรือสัญญาณบอกว่า ลูกของเธออยู่ที่บ้านฝ่ายชาย ซึ่งตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่า ลูกของเธออยู่ที่ไหน ความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เธอคิดถึงลูกมากและทรมานหัวใจจะขาด อยากวอนขอฝ่ายชายและแม่ คืนลูกสาวให้กับเธอด้วย
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/TwcK4k9wp9s
แท็กที่เกี่ยวข้อง