สังคม
ทายาทเศรษฐินีร้อง! ขอมรดก 500 ล้านคืน หลังสาวใช้ปลอมเอกสาร รับเป็นลูกบุญธรรมหวังฮุบสมบัติ
โดย paweena_c
8 ชั่วโมงที่แล้ว
257 views
ทายาทตัวจริง ร้องขอความเป็นธรรม ต้องการมรดก 500 ล้านบาท ของเศรษฐินีคืน หลังเซ็นรับรองให้สาวใช้เป็นบุตรบุญธรรม
ก่อนหน้านี้ นางสาวธัญญรส (สงวนนามสกุล) อดีตลูกจ้างฝ่ายทะเบียนอำเภอเมืองสมุทรสาคร และสามี เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม กับ คุณเอก เพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกกลั่นแกล้งให้ออกจากราชการ เหตุเพราะพูดความจริงกรณีสาวใช้ร่วมกับ จนท.ฝ่ายทะเบียน
นางสาว ธัญญรส กล่าวว่า เธอทำงานเป็นลูกจ้างฝ่ายทะเบียน อำเภอเมืองสมุทรสาคร มานานกว่า 10 ปี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต่อมาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 65 ได้มีข่าวเรื่องการรับบุตรบุญธรรม ในลักษณะเศรษฐินี รับสาวใช้เป็นบุตรบุญธรรม ยกมรดก 500 ล้านให้ ต่อมาครอบครัวเศรษฐินี ได้มีการร้องให้ตรวจสอบเอกสารการรับบุตรบุญธรรม ดังกล่าว ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเมื่อเธอได้เห็นข่าว จึงได้มีการค้นหาเอกสาร เนื่องจากเธอมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจดทะบียนรับบุตรบุญธรรม แต่ก็รู้สึกเอะใจว่าไม่คุ้นกับเคสนี้เลย และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อค้นหาเอกสารจนเจอ จึงพบว่าเอกสารการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมดังกล่าวเป็นเท็จแน่นอน
เนื่องจากเธอพบว่า ในเอกสารการรับบุตรบุญธรรม มีชื่อเธอ ลงชื่อเป็นพยาน ทั้งที่ในข้อเท็จจริงเธอมีหน้าที่ในการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม เธอจะลงชื่อในฐานะ "เจ้าหน้าที่" ที่รับจดทะเบียน จะต้องไม่ไปลงชื่อในฐานะพยาน เธอจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เรื่องการลงลายมือชื่อเป็นเท็จ
ต่อมาหลังจากมีการแจ้งความ ได้มี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนของอำเภอ 3 คน มาพูดคุยกับเธอพร้อมกับขอร้องให้เธอถอนแจ้งความ แต่เธอไม่ยอมเพราะเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ต่อมาศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสมุทรสาคร ได้มีหมายเรียกเธอไปเป็นพยานเรื่องการลงลายมือชื่อเป็นพยานในเอกสาร ซึ่งเธอได้เบิกความยืนยันไปว่าการลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวเท็จ ต่อมา ต้นปี 2567 ศาลได้มีคำพิพากษา ให้เพิกถอนการจดรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว ทำให้สาวใช้ไม่มีสิทธิรับมรดกกว่า 500 ล้าน
หลังจากนั้นเธอคิดว่าจบเรื่องแล้ว จึงกลับมาทำงานตามปกติ ต่อมาปลายปี 2567 ตนถูกประเมินจากเพื่อนร่วมงานว่าขาดจริยธรรมในการทำงานกับเพื่อนร่วมงาน จึงถูกให้ออกจากราชการ ซึ่งเธอเชื่อว่าการประเมินดังกล่าวเป็นผลมาจากที่ตนเองไปให้การเป็นพยานในคดีปลอมเอกสารรับมรดกกว่า 500 ล้าน อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะทำให้มีผู้ใหญ่บางคนเสียผลประโยชน์
ที่สำคัญ คนที่ปลอมลายมือชื่อของเธอ ได้ไปยอมรับในชั้นศาลว่าเป็นคนปลอมลายมือชื่อ แต่ปัจจุบันยังคงทำงานที่อำเภอตามปกติ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เธอจึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานจึงแนะนำให้มาร้องขอความช่วยเหลือกับ เพจสายไหมต้องรอด ดังกล่าว
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ภายหลังได้รับเรื่อง กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เสียหายได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปที่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร แล้วจึงต้องรอผลการพิจารณาก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมอีก คงต้องประสานผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ให้ช่วยลงมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่ายต่อไป
โดย ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้พูดคุยกับนายรัชต์พล ศิลาสุวรรณ เป็นทายาทของป้าวีณา เนื่องจากพ่อของนายรัชต์พลเป็นลูกชายของป้าวีณา
โดยเรื่องคดีและการฟ้องร้องนายรัชต์พล บอกว่ามีการฟ้องร้องกันมาอย่างยาวนานระหว่างทายาทกับนางสาวจุฑารัตน์ สาวรับใช้ โดยป้าวีณา ได้รับนางสาวจุฑารัตน์ เป็นบุตรบุญธรรมแต่ทางทายาทไปตรวจสอบพบว่ากระบวนการเซ็นรับบุตรบุญธรรมไม่ถูกต้องจึงมีการฟ้องร้องและศาลได้ตัดสินแล้วว่า ให้เพิกถอนการรับนางสาวจุฑารัตน์เป็นบุตรบุญธรรมปรากฏว่า นางสาวจุฑารัตน์ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง
นอกจากนี้คุณรัชต์พล บอกว่า ก่อนหน้านี้พบว่ามีการตั้งนางสาวจุฑารัตน์ เป็นผู้จัดการมรดกและจะได้สมบัติจากป้าวีณา มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ทางทายาทจึงมีการฟ้องร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วย ซึ่งวันนี้ที่ตนต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากต้องการทวงคืนสมบัติมูลค่ากว่า 500 ล้านบาทของป้าวีณา เพราะเป็นสมบัติของวงศ์ตระกูล
มั่นใจว่าเจตนารมณ์ของป้าวีณาไม่ได้ต้องการให้ทรัพย์สินสมบัติตกเป็นของบุคคลอื่น เนื่องจากในหนังสืออัตชีวประวัติของป้าวีณาเคยเขียนไว้ว่า หลังจากป้าเสียชีวิตแล้วต้องการให้ลูกหลานรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล ตนมองว่าการออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม และทวงคืนสมบัติเหล่านี้ก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Brf7BTQ1dec
แท็กที่เกี่ยวข้อง หวังฮุบมรดก ,สมุทรสาคร ,ทายาทเศรษฐีนี ,ปลอมเอกสาร ,รับเป็นลูกบุญธรรม