สังคม

เล่าทั้งน้ำตา 'ชาล็อต' ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญ 4 ล้าน บังคับวิดีโอคอล 24 ชม. ข่มขู่โยงคดีใหญ่

โดย chutikan_o

11 ธ.ค. 2567

93 views

ชาล็อต เล่าทั้งน้ำตา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินสูญ 4 ล้าน และบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมง

ช่วงบ่ายวานนี้ (10 ธ.ค. 67) นางสาว ชาล็อต ออสติน อายุ 25 ปี นางงามสังกัดมิสแกรนด์ และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ตั้งโต๊ะแถลงข่าว กรณีที่ชาล็อต ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นดีเอสไอ โทรศัพท์มาหลอกลวง อ้างว่าร่วมฟอกเงินหุ้น STARK โดยขายบัญชีให้ 1 ในผู้ต้องหาและรับผลประโยชน์เดือนละ 8 แสนบาท ทำให้ชาล็อตตกใจประกอบเป็นโรคแพนิก หลงเชื่อโอนเงินให้ตรวจสอบเพื่อแสดง ความบริสุทธิ์ใจ 3 ครั้ง รวม 4 ล้านบาท

ชาล็อต เล่าว่า เหตุเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 7 ธันวาคม ขณะขับรถมายังบริษัทมิสแกรนด์ฯ มีเบอร์ +698907081036 โทรเข้ามา ปกติเธอไม่รับสายเบอร์แปลก แต่วันนั้นไปทำธุระที่ร้านแห่งหนึ่ง และทิ้งเบอร์ไว้เพื่อขอใบกำกับภาษี จึงคิดว่าอาจเป็นเบอร์ทางร้านจึงรับสาย แต่ปรากฎว่า ปลายสายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ บอกว่าเธอมีไปขายบัญชีให้กับนาย ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ 1 ในผู้ต้องหาคดีฟอกเงินหุ้นบริษัท STARK ราคา 5 หมื่นบาท และพบเส้นเงินที่โอนเงินให้เธอเดือนละ 8 แสนบาททุกเดือน เธอก็ค้นหาข่าวเกี่ยวกับหุ้นของบริษัทนี้พบว่ามีจริงๆ จึงหลงเชื่อ

จากนั้นคนร้ายให้กดโค้ด เพื่อไปคุยกับตำรวจไซเบอร์ จากนั้นได้ไลน์เพื่อวิดีโอคอล โดยอ้างว่าใช้ภาพและเสียงเป็นหลักฐานในชั้นศาลเพื่อฟ้องนายศรัทธา ซึ่งหลังกดโค้ดก็เหมือนเป็นการบล็อกการใช้โทรศัพท์ทำให้ไม่สามารถให้ใครโทรหาได้

คนร้าย อ้างว่า ตอนนี้ได้ติดตามตำแหน่งเธออยู่ห้ามบอกใคร เพราะเป็นความลับทางราชการ หากบอกใครจะทำให้ผู้นั้นโดนดำเนินคดีไปด้วย ทำให้เธอกังวลและกลัวไม่สามารถบอกใคร รวมถึงไม่กล้าเดินทางมาที่บริษัท นอกจากนี้คนร้ายยังนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความดังกล่าวจากศาลและ ปปง. มาโชว์ให้เธอเห็นทำให้เธอเชื่อสนิทใจ

แล้วคนร้ายให้เธอยืนยันความบริสุทธิ์ใจโดยให้โอนเงินอ้างว่านำไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน และจะได้รับคืนภายใน 10-15 นาที จึงโอนไปครั้งแรก 2 ล้านบาท หลังถึงเวลากำหนดคืนเงิน คนร้ายยังอ้างว่าอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อนำเรื่องเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อตรวจสอบ ตลอดเวลาคนร้ายห้ามวางสายวิดีโอคอล และพูดคุยกันเป็นระยะ

กระทั่งเที่ยงคืนเศษของวันที่ 8 ธันวาคม คนร้ายให้เธอโอนเพิ่มอีก 2 ล้าน ครั้งนี้แบ่งโอนเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนเที่ยงคืน 12 นาที โอนไป 5 แสนบาท และครั้งที่ 2 โอนตอนเที่ยงคืน 15 นาที จำนวน 1 ล้าน 5 แสนบาท รวมเงินที่ชาล็อตโอนไปเป็นเงิน 4 ล้านบาท ซึ่งเงินทั้งหมดเข้าบัญชีที่ชื่อ นางสาว ปริชาติ แซ่เอี๊ยว ตอนนั้นเริ่มเอะใจว่าโดนหลอก จึงรอจนเช้าและไปแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร พร้อมนำคลิปหลักฐานวิดิโอที่คุยกับคนร้ายไปแจ้งความด้วย

ระหว่างการแถลงคุณณวัฒน์ได้เปิดคลิปที่ชาล็อตแอบอัดไว้ เป็นช่วงเวลาที่ปลายสายอ้างเป็นตำรวจไลน์คอลมาคุยกับชาล็อต จะเห็นว่าในคลิปชาล็อตคุยไปร้องไห้ไป บอกกับปลายสายว่านี่เป็นเงินก้อนสุดท้ายของเธอ ไม่กล้าโอนไปเพราะกลัวจะไม่ได้รับกลับคืน ทางคนร้ายที่อ้างเป็นตำรวจไซเบอร์บอกว่า เอาอย่างนี้ถ้าเกิดข้อผิดพลาดในคำสั่งของพี่ เดี๋ยวพี่จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในส่วนนี้ทั้งหมดเอง จะเป็นคนเซ็นและให้เงิน 4 ล้านโอนกลับเข้าบัญชีให้หมด แล้วจะเอาตำแหน่งหน้าที่การงาน ค้ำประกันให้ด้วย

คุณณวัตน์ บอกด้วยว่า ชาล็อตเป็นแพนิก เลยมีความกลัวและเชื่อมิจฉาชีพง่ายขึ้น และชาล็อตยังต้องกินยารักษาอยู่ หลังจากเงินหายชาล็อตยังช็อกไม่รู้จะทำอะไรก่อน พยายามใจเย็นตั้งสติ พยามยามมูฟออน และทำงานต่อและอยู่กับเลขาของตัวเอง อยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนกับคนอื่น มิจฉาชีพทำงานทุกวัน การจะได้เงินคืนเท่ากับศูนย์

ซึ่งเมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.67) พลตำรวจตรี วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. มารับฟ้องข้อมูลพร้อมนำสำนวนคดีจาก สน.สุทธิสารมาให้ พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการ สอท.1 เข้ามาทำคดีต่อ พร้อมบอกว่า จะเร่งสืบสวนขยายผลให้เร็วที่สุด น่าจะมีความคืบหน้าภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนหลักฐานที่เป็นคลิปบันทึกไว้ขณะพูดคุยกับมิจฉาชีพที่ใช้ระบบ AI แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่นั้น ยอมรับว่านวัตกรรมมิจฉาชีพก้าวหน้าไปมาก จะใช้การเชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบดาวเทียวสตาร์เทค สุ่มผู้เสียหายหลอกเอาเงินโดยไม่ได้เจาะจงไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง ที่ผ่านมามีหลายคดีที่ตำรวจสามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้

ขณะที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการ สอท. ยอมรับตามเงินคืนยาก แต่ตอนนี้มีความคืบหน้าในการติดตามไล่ล่าคนร้าย โดยพลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ สพฐ. รักษาราชการแทนผู้บัญชาการ สอท. บอกว่า ตอนนี้โอนคดีจาก สน.สุทธิสารมาที่ สอท.แล้ว ให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่ทราบเรื่องก็ได้สั่งการให้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมข้อมูล และพยานหลักฐาน เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่ทำการหลอกลวงในครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง และจะใช้เวลาให้รวดเร็วที่สุดในการติดตามตัวคนร้าย

ส่วนเงิน 4 ล้านบาทที่สูญไป พลตำรวจโท ไตรรงค์ บอกว่า โดยทั่วไปกลุ่มคนร้ายจะใช้ระบบการโอนเงินแบบโรบอต หรือการโอนเงินแบบอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นเมื่อกลุ่มคนร้ายดูดเงินไปแล้วก็จะมีการถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นที่เรียกว่าบัญชีแถวสอง และแถวสามอย่างรวดเร็ว รวมถึงจะมีการนำเงินออกจากบัญชีทันที ซึ่งระบบนี้จะทำงานไม่เกิน 5 นาที เพราะฉะนั้นการตามเงินก็ขึ้นอยู่กับการแจ้งความของผู้เสียหายด้วย ว่าแจ้งเร็วหรือช้าเพียงใด



https://youtu.be/dMoCyLoveOI


คุณอาจสนใจ

Related News