สังคม

‘มาดามอ้อย’ ส่งทนายค้านประกัน ‘ทนายตั้ม’ อ.ปานเทพ แฉต่อ มีขบวนการหลอกกินรวบ 71 ล้าน

โดย JitrarutP

8 พ.ย. 2567

130 views

ทนายความของ “มาดามอ้อย” ยื่นคัดค้านการประกันตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” ด้าน อ.ปานเทพ แฉต่อพฤติการณ์ฉ้อโกงของทนายตั้ม หลอกทั้งคนเขียนโปรแกรม และหลอกทั้งเจ๊อ้อย หวั่นมีกระบวนการวิ่งเต้นให้ทนายตั้มและภรรยาได้ประกันตัว

เมื่อช่วง 10 โมงเช้าที่ผ่านมา นายสมชาติ พินิจอักษร หรือทนายเล็ก ทนายความของเจ๊อ้อย เดินทางมาขอยื่นคัดค้านการประตัวของ ทนายตั้ม และภรรยา ที่ศาลอาญา รัชดา พร้อมบอกว่า มายื่นคัดค้านการประกันตัวของทั้ง 2 คน เนื่องจากทนายตั้มมีพฤติกรรม ขับรถมุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออก มุ่งหน้าชายแดน ตามที่ปรากฏในสื่อ เกรงว่าอาจจะหลบหนี และกังวลว่าหากได้รับการปล่อยตัวเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แม้ว่าพยานหลักฐานจะเป็นนิติวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นพยานบุคคล จึงทำให้ ต้องคัดค้านการประกันตัว

สำหรับที่มีกระแสข่าว ที่ว่าทนายตั้มจะไม่ยื่นประกันตัวต่อศาลจะขอนอนเรือนจำ แต่จะขอให้ภรรยาได้รับการประกันตัว ทนายสมชาติ มบอกว่าอยู่ที่ดุลพินิจของศาลจะพิจารณา ส่วนเจ๊อ้อยหลังทราบข่าวว่าทนายตั้มโดนจับ ก็ไม่ยินดียินร้าย เสียใจ ยึดอุเบกขาเป็นตัวตั้ง สำหรับการออกหมายจับ หรือเหตุผลที่พนักงานสอบสวนยื่นต่อศาล เชื่อว่าเป็นคดีเงิน 71 ล้าน และคดีฟอกเงิน ส่วนที่ภรรยาทนายตั้มถูกดำเนินคดีนั้น เชื่อว่าตำรวจต้องมีหลักฐานเช่นกัน

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่บ้านพระอาทิตย์อีกครั้ง บอกว่า คดีที่เจ๊อ้อยไปแจ้งความมีมูล ศาลถึงออกหมายจับทนายตั้มและภรรยา วันนี้ต้องดูว่าทนายตั้มจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ขอบคุณตำรวจที่ทำงานแบบลับ ลวง พราง ทำให้ปฏิบัติการจับทนายตั้มสำเร็จ

ต่อมามีกระบวนการของคนกลุ่มหนึ่งปล่อยข่าวให้อินฟลูเอนเซอร์ ที่ชื่อเล่นว่า "มี่" กับ "เตอร์" มาเป็นพยาน ซึ่งจริงๆ ทั้งคู่เป็นพยานไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด และปล่อยข่าวว่าคนชื่อ "มี่" ไปถอนเงิน ซึ่งความจริงคนชื่อ "มี่" อยู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้อยู่ที่ธนาคาร ที่มีการปล่อยข่าวเพื่อกดดันพยานให้ย้ายข้างไปอยู่ข้างทนายตั้ม และที่ออกมาบอกเพราะไม่อยากให้บรรดาอินฟลูเอนเซอร์เข้าใจผิด เชื่อว่า การที่ นาย อัจฉริยะ ออกมาให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเพราะไม่รู้จริงๆ แต่ผมได้เจอและคุยกับ "มี่" และ "เตอร์" แล้ว และตรวจสอบจีพีเอสแล้ว

ส่วนคดี 71 ล้าน ถือเป็นคดีหลักของทนายตั้ม จนถึงตอนนี้เชื่อว่าไม่สามารถเป็นการให้โดยเสน่หาได้ เพราะการเจอกันครั้งแรกเพราะ "มี่" และเตอร์" เป็นสามีภรรยากัน "เตอร์" เป็นโปรแกรมเมอร์ที่เขียนโปรแกรมให้ชาวต่างชาติ ส่วน "มี่" เป็นผู้บริหารของธนาคาร แล้วทั้งคู่เคยเขียนโปรแกรมสลากออนไลน์ชื่อว่า "นาคี" ซึ่งช่วงที่มีการปราบปรามเรื่องการขายหวยออนไลน์ว่าผิดกฎหมาย จึงให้ทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย จากนั้นทนายตั้มบอกว่าจะหาผู้ร่วมลงทุนให้ "มี่และเตอร์" เพื่อทำต่อ โดยทั้งคู่คิดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง 20 ล้านบาท แต่ทนายตั้มขอเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินเป็น 2 ล้านยูโร อ้างว่าเป็นค่าซื้อสลาก ก่อนจะส่งสัญญานี้ให้เจ๊อ้อย โดยมีสัญญาส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566- 1 กันยายน 2567

สัญญายังเขียนอีกว่า 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะต้องชำระเงิน แต่พอมี่กับเตอร์ ไม่ได้รับเงิน จึงโทรหาทนายตั้ม ได้รับคำตอบว่าเขายกเลิกสัญญาไปแล้ว ทั้งที่ทนายตั้มได้รับเงินแล้ว 71 ล้าน ทางมี่และเตอร์จึงไปแจ้งความไว้วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ป้องกันการเอาสัญญาไปทำอะไร สุดท้ายมามีปัญหาช่วงปลายปี 2566 เพราะมีเรื่องการเสียภาษีเงิน 71 ล้านเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเอาเงินเข้าบริษัท แต่บริษัทจะได้ส่วนแบ่งแค่ 10 ล้าน แถมต้องเสียภาษีอีก 4 ล้านกว่าบาท ทางมี่และเตอร์จึงไม่ยอม

ส่วนคดี 39 ล้าน ไม่ได้ถูกสแกมเมอร์ดูดเงินไปตามที่ "ทนายตั้ม" อ้าง แต่เป็นการดำเนินการเป็นกระบวนการร่วมกับนุและสารินี กระบวนการคือ "นุ" ได้รับโอนเงินจากเจ๊อ้อย เพื่อไปทำธุรกรรมจำนวน 2 ครั้ง แต่ปรากฏต่อมาว่าสาริณี ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ ว่าโอนเงินไปที่บัญชีที่อ้างว่าเป็นสแกมเมอร์ จำนวน 7 ครั้ง เพื่อหลอก "เจ๊อ้อย" ทั้งที่ไม่ได้มีการโอนเงินไปจริง และกรณีที่เลือกไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ ก็มองว่าเป็น เพราะมีกระแสข่าวว่าทนายตั้ม มีเส้นสายอยู่ใน สน.ดังกล่าว และทนายตั้มยังมีพรรคพวกที่เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูงอีกเยอะ

นายปานเทพ ยังบอกด้วยว่าตอนนี้ห่วงอย่างเดียว กลัวจะมีกระบวนการวิ่งเต้น เพราะตอนนี้มีข่าวลือมาว่า พยายามเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ประกันตัวทั้ง 2 คน หากไม่ได้ก็ขอให้ภรรยา 1 คน


https://youtu.be/zUZY5Vy6qyw

คุณอาจสนใจ

Related News