‘ทนายตั้ม’ หน้าเครียดเข้ากองปราบ ตร.สอบปากคำนาน 11ชม. ไม่ตอบปมกินฉี่

ตำรวจใช้เวลา 11 ชั่วโมง ในการสอบปากคำ “ทนายตั้ม” และ ภรรยา หลังถูกจับในข้อหา ฉ้อโกง และฟอกเงิน โดยทนายตั้มปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ปัดตอบปมกินฉี่ 71 แก้ว

หลังจากที่เมื่อวานนี้ ตำรวจเปิดปฏิบัติการ เข้าจับกุม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของทนายตั้ม ที่แยกพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะที่ทนายตั้ม ขับรถปอร์เช่ คาเยน สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ธก 999 กทม. ออกมาจากบ้านพัก พร้อมกับภรรยา เพื่อจะไปปฏิบัติธรรมและทำบุญที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ถูกตำรวจจับกุมได้ระหว่างทาง

หลังตำรวจได้ขอศาลอนุมัติหมายจับทนายตั้มและภรรยา ในคดีที่มาดามอ้อย แจ้งความดำเนินคดี กับทนายตั้ม เรื่องฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท เรื่องการซื้อรถเบนซ์ จำนวน 13 ล้านบาท และเรื่องออกแบบก่อสร้างอาคาร จำนน 9 ล้านบาท ทั้งนี้การแต่งกายของทนายตั้มและภรรยา พบว่าทั้งคู่ทั้งคู่ใส่เสื้อสีขาวและกางเกงสีขาว

โดยทนายตั้มถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน ส่วนภรรยาของทนายตั้ม ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน

ต่อมาตำรวจกองปราบปรามได้นำตัวทนายตั้มและภรรยา มาสอบสวนที่กองปราบปราม โดยมาถึงตอน 13.43 น. โดยทนายตั้ม และ ภรรยา ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ตำรวจได้ขับรถปอร์เช่ คเยน ของทนายตั้ม มาตรวจสอบที่กองปราบปรามด้วย โดยจากการตรวจสอบที่ท้ายรถของทนายตั้ม พบเบาะปูนอน กระเป๋าเสื้อผ้า และซองเอกสารสีน้ำตาล 1 ซอง

ในขณะเดียวกัน ตำรวจได้เข้าค้นบ้านพักของทนายตั้มที่ย่านพุทธมณฑล พร้อมกับยึดของกลางในบ้านได้ 34 รายการ เช่นกระเป๋าแบรนด์เนม 21 ใบ  โทรศัพท์มือถือ, พระเครื่อง, นาฬิกา, บัตรเครดิต, บัตรกดเงินสด, กุญแจรถปอร์เช่ และโทเคน คีย์ นอกจากนี้ยังได้เข้าบ้านพักของทนายตั้ม ที่อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครด้วย

ทั้งนี้การสอบปากคำทนายตั้มเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงบ่าย ยาวนานไปจนถึงเวลาประมาณ เที่ยงคืนยี่สิบนาที ซึ่งใช้เวลานานกว่า 11 ชั่วโมง จากนั้นตำรวจ ได้คุมตัวทนายตั้ม และ ภรรยาออกมาจากห้องสอบปากคำ เพื่อนำตัวมาห้องขังชั้น 1 ของกองปราบปราม

โดยทนายตั้มและภรรยา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามตะโกนสอบถาม โดยทนายตั้ม แต่งกายเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ มีท่าทางอิดโรยและสีหน้าเรียบเฉย ส่วนภรรยา สวมเสื้อยืดสีดำ สวมหน้ากากอนามัย แล้วหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็คุมตัวทั้งเข้าไปในห้องควบคุมผู้ต้องขัง

ทั้งนี้ก่อนที่ทนายตั้มจะลงมาห้องขัง ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า ยังมีนักข่าวเฝ้าอยู่หรือไม่ เนื่องจากไม่อยากเจอสื่อมวลชน

นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม เปิดเผยว่า ตำรวจได้แจ้งความดำเนินคดีกับทนายตั้มในคดีที่เกี่ยวข้องกับเงิน 71 ล้านบาท ค่าออกแบบการก่อสร้างอาคาร 9 ล้านบาท และคดีเป็นนายหน้ารับค่าส่วนต่างจากการซื้อขายรถยนต์ 13 ล้านบาท รวม 3 คดี ซึ่งทนายตั้มปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ตอนนี้ทนายตั้มยังมีสภาพจิตใจที่ดี เพราะหลังรู้ว่ากำลังจะถูกดำเนินคดี ทนายตั้มก็ใส่สูท เตรียมตัวรออยู่ที่บ้านมาตลอด 5 วัน เพราะคาดว่าตำรวจจะนำหมายจับมาจับกุมที่บ้าน ยืนยันว่าทั้งทนายตั้มและภรรยาไม่ได้คิดหลบหนี แต่ตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด ส่วนสัมภาระในกระเป๋าที่เจอหลังรถปอร์เช่ เป็นชุดขาวที่เตรียมไว้ใส่ปฏิบัติธรรม

ขณะที่พลตำรวจโท อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าทนายตั้มและภรรยา มีแผนที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจรับรู้ว่าตำรวจจะออกหมายจับ

โดยตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับในเวลา 11 โมง แต่ทนายตั้ม ขับรถออกมาจากบ้านพักตั้งแต่ 9 โมง และขับมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก ตำรวจจึงได้ประสานกำลังตำรวจทางหลวงช่วยกันสกัดจับ เพราะสมรรถนะรถของทนายตั้ม ดีกว่ารถของตำรวจ หากไม่ประสานให้ตำรวจทางหลวงในพื้้นที่ให้สกัดจับ คงขับรถไล่ตามรถของทนายตั้มไม่ทัน ทั้งนี้ยังพบว่าทนายตั้มมีพฤติกรรมเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอีกด้วย

ส่วนทนายตั้มและภรรยา ค่อนข้างมีอาการเครียด เนื่องจากผู้ที่รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูงของกองบัญชาการสอบสวนกลาง อาทิ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม และ พลตำรวจตรี มนตรี เทศขันธ์ ซึ่งแต่ละคนก็เป็นตำรวจมือปราบทั้งสิ้น แต่ยืนยันว่าตำรวจมีการดูแลเป็นอย่างดี

ทนายความของทนายตั้ม ยืนยัน ไม่ยื่นประกันตัวทนายตั้มวันนี้ เพราะโอกาสได้ประกันตัวแทบเป็นศูนย์ แต่จะยื่นประกันตัวภรรยาของทนายตั้มก่อนเพียงคนเดียว


https://youtu.be/uKo6K2huBUo