สังคม

‘ประทีป’ ยันไม่ใช่ ‘เทวดา’ รับสินบนในคลิปเสียงปริศนา แจงเคยพบ ‘บอสพอล’ แค่ 2 ครั้ง

โดย paweena_c

16 ต.ค. 2567

92 views

อดีตรองเลขาฯ สคบ.ยันไม่ใช่ ‘เทวดา’ รับสินบนในคลิปเสียงปริศนา พร้อมจ่อดำเนินคดี ชี้แจงเคยพบ ‘บอสพอล’ แค่ 2 ครั้ง ยื่นหนังสือขอหารือและรับขนมไหว้พระจันทร์

วานนี้ (15 ต.ค. 2567) พันตำรวจเอก ประทีป เจริญกัลป์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการผู้บริโภค (สคบ.) พูดถึง ปมถูกโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ว่าเป็นเทวดา สคบ. หลังมีการเปิดคลิปเสียงบทสนทนากับบอสพอล จำนวน 3 คลิป ในรายการโหนกระแส

พันตำรวจเอก ประทีป กล่าวว่า ในส่วนของคลิปแรกที่พูดถึงเทวดาอารักษ์ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นเทวดา ไม่มีความเกี่ยวข้องที่จะเป็นเทวดาได้ เพราะออกมาจากบทบาทการเป็น สคบ. ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2562 ซึ่งตนเองเป็นคนแรกที่เสนอดำเนินการตรวจสอบธุรกิจดิไอคอน โดยยื่นหนังสือส่งไปให้ 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2561

พันตำรวจเอก ประทีบ กล่าวอีกว่า ในส่วนของคลิปที่อ้างชื่อ ในการแต่งตั้งตำแหน่งรองเลขา สคบ. คาดว่าเป็นการตีกินธรรมดา ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่จะสามารถแต่งตั้งได้ นอกจากคณะกรรมการที่จะมาคัดเลือก ซึ่งมีกันหลายท่าน ตนเองเติบโตด้วยความรู้ความสามารถและหน้าที่การงาน ไม่เคยไปเดินตามใครต๊อกแต๊กๆ มันเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของข้าราชการไทย การมากล่าวพูดอย่างนี้ทำให้เสียหาย จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

พันตำรวจเอก ประทีป กล่าวต่อว่า ส่วนเสียงของคนในคลิปอันที่ 2-3 รู้สึกว่าเสียงคุ้น และเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน แต่ตนเองไม่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจแบบนี้ก็มีในสังคมราชการบ้างที่มีการตบทรัพย์ เรียกรับผลประโยชน์

พันตำรวจเอก ประทีป กล่าวอีกว่า ตอนที่ตนเองยังอยู่ สคบ. เคยสั่งให้ลูกน้องเปิดเว็บไซต์ของเขา เพื่อดูระบบธุรกิจ เห็นพฤติกรรมของบริษัทไม่เข้าข่ายขายตรง เรารับจดไม่ได้ มันล่อแหลมที่จะผิดกฎหมาย อย. และ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หลังจากยื่นเรื่องไปเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2561 แต่สุดท้ายทราบว่า อย. ตอบกลับมา มี.ค. 2562 ว่า ดิไอคอน ทำผิดเรื่องการโฆษณาสินค้าเกินจริง และดำเนินคดีกับดิไอคอน

พันตำรวจเอกประทีป กล่าวต่อว่า ถ้าดูข้อกฎหมาย บริษัทนี้ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง แต่หากไปดูกฎหมายการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน แค่ขายสินค้า ชักชวนคน มีการจ่ายและให้ผลตอบแทน เงินที่โอเวอร์เกินไป ก็ผิดกฎหมายแล้ว ในขณะเดียวกันกฎหมายฉ้อโกงก็ต้องดูว่า มูลเหตุของการทำธุรกิจมีการจูงใจที่เป็นการล่อลวงหรือไม่

พันตำรวจเอก ประทีป กล่าวอีกว่า การที่เขาบอกว่าสินค้าดี ส่วนตัวเห็นว่าถ้าสินค้าดีก็ต้องถูกต้องตามกฎหมาย แต่ อย.บอกว่า สินค้าของเขามีการโฆษณาไม่ถูกต้อง ตรงนี้หลอกลวงหรือไม่

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ประทีป กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2561 เขามายื่นหนังสือหารือกับตนเอง แต่วันที่ 14 มิ.ย. 2561 เขาไปลงหน้าเพจว่า มา สคบ. แล้วติดแฮชแท็กว่า ระบบมีคุณธรรมจริยธรรมในการประกอบธุรกิจ ไม่ทราบว่าต้องการสื่ออะไร แค่มายื่นหนังสือไม่ควรไปติดแฮชแท็กแบบนั้น เหมือนทำให้ประชาชนหรือสังคมไขว้เขวหรือไม่ว่าธุรกิจของเขาถูกต้อง

พันตำรวจเอก ประทีป กล่าวต่อว่า นักกฎหมายต้องไปดูว่าเจตนาเขาพยายามจะทำขายตรง แต่ทุกวันนี้เขาต่อสู้ว่าเขาไม่ใช่ขายตรง แล้วรูปแบบการนำเสนอของผู้เสียหาย บอกว่าเขามีแม่ทีม มีเครือข่าย และขายแพ็กเกจ ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค คุณบังคับซื้อ บังคับขายไม่ได้ ถ้ามีการบังคับจะผิดกฎหมาย

ตนเองมองว่าการนำดารา นำรถหรูมา เป็นสิ่งที่ประชาชนหรือคนทั่วไปเชื่อมั่นว่าเป็นบุคคลสาธารณะ น่าเชื่อถือ ดังนั้นดาราโปรโมตสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง ก็ทำให้สินค้าขายดี ไม่ทราบว่าเจตนาของเขาคืออะไร ทั้งที่สินค้าหลายตัวของเขาขายไม่ออก

ส่วนกรณีของคุณหมอท่านหนึ่งที่เป็นข่าวก็ไม่ใช่หมอจริง แบบนี้หลอกลวงหรือไม่ เมื่อดูเจตนาเบื้องต้นว่ามีเหตุจูงใจหลอกลวงหรือไม่ ต้องพิจารณาต่อว่าการหลอกลวงนี้เข้าองค์ความผิดฉ้อโกงหรือไม่

พันตำรวจเอก ประทีป กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ตนถ่ายภาพร่วมกับบอสพอล ในสมัยที่ยังเป็นผู้อำนวยการกองขายตรงที่ สคบ. ก็ชี้แจงว่าเป็นเพียงแค่การถ่ายรูปร่วมกันปกติ ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เคยเจอบอสพอลแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรก 13 มิ.ย. 2561 ที่มายื่นขอหารือ หนังสือฉบับนั้นเป็นหนังสือขอหารือ ไม่ใช่หนังสือขออนุญาตหรือรับรองคุณธรรมจริยธรรมใดๆ ทั้งสิ้น

พ.ต.อ.ประทีป กล่าวต่อว่า ส่วนครั้งที่ 2 เขามาในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ถือถุงขนมใบเล็กจากโรงแรมมาให้ เขาไม่ได้มอบให้ตนเองคนเดียว แต่ให้ผู้บริหารคนอื่นด้วย ซึ่งทราบว่าเขามาที่ สคบ.หลายครั้ง ในครั้งที่ 2 ที่มีภาพออกมา วันนั้นตนเองอยู่ที่ทำงาน แล้วมีลูกน้องคนหนึ่งที่รับผิดชอบเรื่องการจดทะเบียนขายตรง เขาพาคุณพอลมาหาตนเอง แล้วลูกน้องคนนี้ก็เป็นคนถ่ายรูปตนเองกับคุณพอลก็เท่านั้น

ระหว่างดำเนินรายการอยู่นั้น นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตรองเลขาธิการ สคบ. ได้ติดต่อโฟนอินเข้ามาในรายการ หลังจากมีภาพบุคคลในสำนักงาน สคบ. ไปโผล่ร่วมงานบุญกับบอสพอล

นายสุวิทย์ กล่าวว่า รู้จักกับบอสพอล เมื่อตอนต้นปี 65 อีกฝ่ายมาสวัสดีปีใหม่ในช่วงเทศกาล ช่วงนั้นตนเองเป็นประธานงานบุญหล่อพระและได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานบุญจึงได้ไปเจอกันที่งานหล่อพระที่โคราชเมื่อ 23 ต.ค. ซึ่งการนัดเจอกันเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวที่เป็นนักปฏิบัติธรรม ความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนมตามที่มีการเข้าใจผิดแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน หนุ่ม กรรชัยได้ถามถึงประเด็นที่บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป มีปัญหาจน สคบ. ส่งหนังสือตรวจสอบตอนปี 61 นายสุวิทย์ ตอบว่า เนื่องจากระหว่างปี 2559-63 ยังดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักแผนและการพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นคนละส่วนงานกับการตรวจสอบดังกล่าว

กรรชัยถามอีกว่า เคยดูแลเรื่องหนังสือที่ยื่นมาของบริษัทดิไอคอนหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ถ้าเป็นช่วงดำรงตำแหน่งรองเลขาฯ อาจจะมีผ่านตาบ้าง แต่ปกติก็ดำเนินการตามระบบและระเบียบของหน่วยงานอยู่แล้ว


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/jbzXBjdoQWA

คุณอาจสนใจ

Related News