คุกคืนแรกเครียด ฝากขัง ‘แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์’ สาบานไม่ทิ้งผู้เสียหาย ขอประชาชนให้โอกาส อ้างจำรหัสเซฟไม่ได้

ตำรวจ ปคบ. คุมตัว ‘แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์’ ป๋าเบียร์สาบานจะไม่ทิ้งผู้เสียหาย หากทำอะไรผิดก็ขอยอมรับ และขอให้ประชาชนให้โอกาสอีกครั้ง ขณะผู้เสียหายเข้ายื่นคัดค้านประกันตัว

หลังจากที่เมื่อวานนี้ (30 ก.ย. 2567) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ตำรวจ ปคบ. ได้นำหมายค้นและหมายจับเข้าจับกุม น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ที่บ้านพักย่านรามอินทรา พร้อมทั้งขนตู้เซฟขนาดเล็กไปด้วย หลังมีผู้เสียหายออกมาแฉพฤติกรรมหลังซื้อทองจากแม่ตั๊ก แล้วปรากฏว่าราคาทองสูงเกินจริง บางอย่างไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองอย่างที่โฆษณา และเมื่อไปขายทองกับร้านอื่นปรากฏว่าได้ราคาต่ำ

ทั้งสองคนถูกจับดำเนินคดีหลายข้อหา เช่นข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค และร่วมกันใช้ฉลากอันเอ็นเท็จ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสินค้าหรือบริการ

หลังจากตำรวจคุมตัวทั้งสองคนมาที่ ปคบ. พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแม่ตั๊กและป๋าเบียร์จนถึงประมาณ 22.00 น. ซึ่งรวมเวลาสอบปากคำนาน นานเกือบ 9 ชั่วโมง โดยที่ทั้งคู่ได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา จากนั้นคุมตัวไปคุมขังที่ห้องขังของกองปราบปราม เพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลอาญารัชดา ในวันนี้ (1 ต.ค. 2567)

มีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองคนต้องถูกคุมตัวอยู่ในห้องขัง พบว่าแม่ตั๊กมีอาการเครียด นอนไม่หลับ ถึงกับต้องร้องขอให้ญาติสนิทนำยานอนหลับมาให้

ขณะที่ป๋าเบียร์ มีอาการอิดโรย อ่อนเพลีย แต่ก็นอนหลับ โดยเมื่อช่วงเช้าตำรวจได้สั่งข้าวมันไก่ มาให้ป๋าเบียร์และแม่ตั๊กกินก่อนจะคุมตัวไปฝากขัง

ล่าสุดตั้งแต่เวลา 08.15 น. คนใกล้ชิดของแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ ได้นำของกินมาให้แม่ตั๊กและป๋าเบียร์ เช่น แซนวิช น้ำแร่ รวมถึงยังนำกระเป๋าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมมาให้ทั้งสองคนด้วย

เวลา 09.22 น. ตำรวจได้คุมตัวแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ออกจากห้องขัง เพื่อไปขออำนาจศาลฝากขัง โดยตำรวจได้ให้แม่ตั๊กเดินออกมาเป็นคนแรก โดยแม่ตั๊กได้ยกมือไหว้ผู้สื่อข่าว แต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ถามป๋าเบียร์ว่ารู้สึกอย่างไรที่นอนห้องขังเป็นคืนแรก ป๋าเบียร์ไม่ตอบคำถามนี้ แต่บอกว่าคนเรามีความรู้สึกกันทุกคน ขอให้เข้าใจเขาด้วย ไม่มีเจตนาทำให้ใครไม่พอใจ และจะพยายามเยียวยาลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขอสาบานว่าจะไม่ทิ้งไปไหน อยากให้เห็นความตั้งใจ เกิดมาเป็นพ่อค้าแม่ค้า หากทำอะไรผิดก็ขอยอมรับ ขอโอกาสให้ด้วย

ทั้งนี้เมื่อรถควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาถึงที่ศาลอาญารัชดา พบว่ามีผู้เสียหายประมาณ 6 คน และนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือ ทนายชายพัฒน์ ได้เดินทางมายังศาลอาญาด้วย เพื่อยื่นคัดค้านการประกันตัวแม่ตั๊กและป๋าเบียร์

ทนายชายพัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มตัวแทนผู้เสียหายได้เดินทางมายื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา สามีภรรยาทั้ง 2 ราย มองว่าการที่ผู้ต้องหาปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะสามารถให้การใดๆ ก็ได้ เพราะศาลจะต้องพิจารณาคดีชี้ตามพยานหลักฐานอยู่แล้ว จึงมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ใช่ข้อกังวลแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่ป๋าเบียร์อ้างว่าอยากให้เห็นเจตนาที่ตนเองต้องการจะเยียวยาผู้เสียหาย ก็มองว่าเป็นข้อกล่าวอ้างเช่นเดียวกัน เพราะสุดท้ายยังไงก็ต้องให้การในชั้นศาลอยู่แล้ว ส่วนจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายประสงค์ที่จะไม่อยากเห็นการประกันตัว จึงเดินทางมาคัดค้านอีกแรงนึง

ขณะที่คุณวงศ์ผกา ชนะการ หรือ ฝ้าย หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ให้ทั้งสองคนออกมาชี้แจงแล้ว แต่ทั้งคู่เลือกที่จะเงียบ ซึ่งหากบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรออกมาชี้แจงตั้งแต่แรก ไม่ใช่ถูกออกหมายจับแล้วจึงพูด เหตุผลที่เดินทางมาคัดค้านประกันตัววันนี้ เพราะกลัวทั้งสองคนจะหลบหนี

มีรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มผู้เสียหายนำโดยทนายชายพัฒน์นั้น ได้ให้เหตุผลในการคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนต่อศาล คือคดีนี้มีอัตราโทษสูง มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก และเกรงว่าหากผู้เสียหายได้รับการประกันตัว อาจมีพฤติการณ์หลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

พันตำรวจโทปริญา ปาละ รองผู้กำกับการ 1 บก.ปคบ. เปิดเผยว่า ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน ส่วนที่เมื่อวานนี้ วนรถ 2 ถึง 3 รอบ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนเข้ากองปราบปรามนั้น ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติแบบวีไอพี

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ตู้เซฟขนาดเล็กที่ตำรวจขนไปด้วยขณะจับกุมที่บ้านพักนั้น ยังเปิดไม่ได้ เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าจำรหัสไม่ได้

ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ (30 ก.ย. 2567) แม่ตั๊กและป๋าเบียร์ถูกคุมตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. ตั้งแต่ 13.40 น. โดยทั้งคู่นั่งมาในรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนเงิน ทะเบียนตราโล่ แต่แทนที่จะจอดด้านหน้าอาคารเหมือนทุกครั้ง กลับวนขึ้นบนอาคารจอดรถซึ่งจะมีทางเชื่อมเข้าอาคารที่ชั้น 3

กลุ่มนักข่าวต้องวิ่งตามรถขึ้นไปจนถึงชั้น 3 แต่ปรากฏว่ารถได้ขับเลยขึ้นไปที่ชั้น 4 ก่อนจะถอย และกลับลงมาที่ชั้น 3 แต่เมื่อนักข่าวยังอยู่เยอะ รถจึงค่อยๆ ขับลงมาข้างล่าง นักข่าวก็พยายามวิ่งตามต่อ จนในที่สุดรถได้วิ่งจากอาคารจอดด้านหลัง มาที่ตึกกองปราบปรามด้านหน้า แต่มีตำรวจยืนรักษาความปลอดภัยไว้

ทันทีที่แม่ตั๊กและป๋าเบียร์ลงจากรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามรายละเอียดที่ทั้งคู่ถูกคุมตัวมา แต่แม่ตั๊กปฏิเสธที่จะตอบคำถามต่อสื่อมวลชน ส่วนป๋าเบียร์บอกว่า “เดี๋ยวผมมาชี้แจงให้ครับๆ เดี๋ยวให้การกับเจ้าหน้าที่เสร็จ จะมาชี้แจง” ส่วนเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าผู้เสียหายจะยังคืนทองได้เหมือนเดิมหรือไม่ เบียร์บอกเพียงว่า “เหมือนเดิมๆ” และระหว่างที่เดินเพื่อขึ้นไปสอบปากคำ ก็มีการเบียดกันจนแม่ตั๊กเกือบล้ม ทำให้ป๋าเบียร์ตะโกนขึ้นมาว่า “สงสารผู้หญิงหน่อยครับ ขอร้องอย่าเบียดผู้หญิงได้ไหม”

จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งคู่เข้าไปสอบสวน ซึ่งทีมข่าวสามารถสังเกตการณ์ได้จากข้างนอกผ่านกระจกเท่านั้น โดยสังเกตว่าแม่ตั๊กมีสีหน้าปกติ แต่ป๋าเบียร์ดูค่อนข้างเคร่งเครียด


https://youtu.be/oY9U0mn2cL8