‘ชาดา’ ลั่นสมควรแล้ว ขอตำรวจจัดการเต็มที่ ญาติเกเรฉี่ม่วง ตร.แจ้งข้อหาเพิ่ม เตรียมฝากขังบ่ายนี้

ตร.เตรียมคุมตัวลูกพี่ลูกน้อง ‘ชาดา’ ไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญาช่วงบ่ายนี้ ทั้ง 4 คนยังให้การปฏิเสธ ตร.แจ้งข้อหาเพิ่ม หลังตรวจพบฉี่ม่วง ด้าน ‘ชาดา’ ลั่นสมควรแล้ว ขอให้จัดการเต็มที่

จากกรณีตำรวจกองบังคับการสืบสวนนครบาล 1 บุกจับ นายนรเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์, นายกิจจา, นางสาววาลิส และนางสาวอัญชลีพร ได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่อยู่ภายในซอยเพชรบุรี 47 พร้อมยึดของกลางยาไอซ์ 6 ถุง, อาวุธปืน 11 มม. จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืน 6 นัดนั้น

เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย. 2567) ตำรวจ สน.มักกะสัน ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนจะแจ้งข้อหา ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อหาเพิ่ม นายนรเศรษฐ์ ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ แล้วเอาเข้าไปควบคุมอยู่ในห้องขังของโรงพัก โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งมีจังหวะหนึ่งที่ตำรวจเอาตัวออกมา ทีมข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความกังวลต่างๆ แต่นายนรเศรษฐ์ ปฏิเสธว่า ไม่มีความกังวลใดๆ

นายเกริกเกียรติ กิ่งแก้ว ทนายของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า เบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และญาติได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 40,000 บาทไปยื่นประกันตัวในชั้นศาล เท่าที่ดูตอนนี้ทุกคนไม่เครียด ส่วนข้อเท็จจริงต่างๆ นายนรเศรษฐ์ เล่าให้ฟังแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ส่วนบรรยากาศเช้าวันนี้ (12 มิ.ย. 2567) พันตำรวจเอก อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผู้กำกับการ สน.มักกะสัน เปิดเผยว่า แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดกับนายนรเศรษฐ์ และเพื่อนอีก 3 คน เพิ่มหลังตรวจปัสสาวะแล้วพบว่ามีสารเสพติด ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พบว่ามีความเครียดชัดเจน โดยเฉพาะผู้หญิง 2 คน ที่จะพูดเพ้อตลอดเวลาว่า เรื่องเงินประกันตัว หากจะเอา 200,000 ก็พร้อมโอนทันที กระทั่งเมื่อช่วงเช้าขณะนำตัวทั้ง 4 คน มาพิมพ์ลายนิ้วมือ นางสาววาลิสถึงกับเป็นลม

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่า นางสาววาลิสเคยถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ส่วนนายกิจจามีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด

ทนายความของกลุ่มผู้ต้องหา กล่าวว่า การตรวจปัสสาวะแล้วพบว่าปัสสาวะม่วงนั้น ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน หากจะมีอะไรมากกว่านั้น ก็ขอให้ทางกลุ่มผู้ต้องหาให้ปากคำในชั้นพนักงานสอบสวนก่อน พร้อมยืนยันว่าไม่กังวลเรื่องคดีความ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาเพิ่ม ก็ต้องว่าไปตามข้อหาตามข้อเท็จจริง ซึ่งญาติของแต่ละคนได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าคนละเท่าไร เนื่องจากต้องรอทางพนักงานสอบสวนตั้งข้อหา และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะไปกระทบกับชื่อเสียงของนายชาดาหรือไม่นั้น ส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยวกันเลยและไม่ทราบจริงๆ ในกรณีที่นายชาดาออกมาให้สัมภาษณ์ว่า นายนรเศรษฐ์เป็นหลานแสบและเกเร

เท่ากับว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดนแจ้ง 2 ข้อหา คือ ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพสารเสพติดให้โทษประเภท 1 และนายนรเศรษฐ์ โดนเรื่อง พ.ร.บ.อาวุธปืนเพิ่ม อีก 1 คดี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่ม เพื่อเตรียมส่งตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังราว 15.00 น. วันนี้

ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระหว่างร่วมพิธีฮัจญ์ อยู่ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า นายนรเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ที่ถูกจับ พร้อมยึดของกลางยาเสพติด อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน เป็นหลานของเขาจริงๆ คนนี้มันแสบ ไปทั่วหมด

“แม้จะเป็นหลานของรัฐมนตรี ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีได้เต็มที่เลย เพราะที่ผ่านมา เขาเป็นเคนเกเร เคยตักเตือนแล้ว มาโดนจับก็สมควรแล้ว” นายชาดากล่าว

https://youtu.be/KNhUuTqlG5g