‘เมียบิ๊กทหาร’ จับได้ ผัวมีเมียน้อยเป็นนักศึกษา โดนทำร้าย-ติดโรค ถูกเย้ยจะเอาใบหย่าให้เมียน้อยดู

“เมียทหาร” ร้องขอความเป็นธรรม จับได้สามี เป็น “ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกแห่งหนึ่ง” มีเมียน้อยเป็นนักศึกษา สุดช้ำ ติดโรคจากสามี แถมถูกทำร้าย บีบให้หย่า ฝ่ายชายส่งหมายศาลฟ้องหย่า เย้ยจะเอาไปให้เมียน้อยดู

พิมพาภรณ์ ผู้ร้องเรียน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เธอแต่งงานกับสามีมาร่วมสิบปี จนปัจจุบันสามี มีตำแหน่ง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกแห่งหนึ่ง เป็นผู้มีอำนาจในจังหวัดหนึ่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสามีของเธอ มีพฤติกรรม เจ้าชู้มาโดยตลอด และสุดท้ายก็ต้องทะเลาะกัน ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย

จนมาวันหนึ่ง เธอมีอาการป่วยและติดเชื้อ ซึ่งติดเชื้อจากสามี จนทำให้เธอมีสุขภาพร่างกายที่แย่ลงทุกวัน จนเป็นโรค SLE ลงข้อเข่า ต้องรักษาตลอดชีวิต จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ทหารของสามี ในการรักษาเนื่อง โดยมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนร่วมแสนบาท

หลังจากที่เธอป่วย สามีก็พฤติกรรมเปลี่ยนไป แยกออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก จนมาวันหนึ่ง เธอรู้ว่าสามีของเธอไปมีผู้หญิงอีกคนเป็นนักศึกษา ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมาก ด้วยความเป็นสามีภรรยา เธอจึงพยายามพูดคุยไกล่เกลี่ย ให้อภัยมาโดยตลอด แต่สามีของเธอก็ไม่สนใจ บล็อกเบอร์ และทุกช่องทางติดต่อ จากนั้นเธอก็ไม่ได้ติดต่อกับสามีได้เลย



ต่อมา ปี 2565 อยู่ๆ เธอก็ได้รับหมายศาล ว่าสามี ได้ทำเรื่องฟ้องหย่าเธอ ซึ่งทำให้เธอเครียดมาก ซึ่ง ณ ขณะนั้น เธอมีตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ในพรรคนักการเมืองหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอเสียโอกาส จำเป็นต้องถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส. แค่โชคดีมีผู้ใหญ่ในพรรคทราบเรื่อง จึงเข้ามาช่วยเคลียร์ปัญหาให้ สามีจึงถอนฟ้องไป ตอนนั้นเรื่องก็เงียบไป ซึ่งเธอคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว หวังว่าสามีจะมีเมตตากับเธอบ้าง



แต่ล่าสุด ปี 2567 เธอได้รับหมายศาลอีกครั้ง โดยสามีฟ้องหย่าเธออีก เพื่อจะนำใบหย่าไปให้เมียน้อย



ทางผู้ใหญ่ก็เข้ามาช่วยเจรจาให้อีก เพราะเธอขอแค่สิทธิ์ค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น แต่รอบนี้ไม่เป็นผล ผู้ใหญ่จึงแนะนำให้เธอ ทำเรื่องร้องเรียนเข้าไปยังต้นสังกัด ตอนแรกเธอคิดว่าจะออกมาร้องสื่อ แต่ทางต้นสังกัดไม่มีนโยบายให้เธอไปร้องสื่อ ถ้ามีปัญหาให้ทำหนังสือส่งไปยังต้นสังกัด



แต่หลังจากร้องเรียนไป เธอกลับได้รับหมายเรียกจากตำรวจให้เข้าไปพบ ตอนนั้นเธอรู้สึกตกใจมาก จึงโทรสอบถามพนักงานสอบสวน ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนแจ้งว่า เป็นข้อหาหมิ่นประมาท ที่สามีฟ้องเธอ ซึ่งเธอสงสัยว่าหนังสือที่ร้องเรียนไปยังต้นสังกัดน่าจะเป็นความลับ แต่ทำไมสามีจึงรู้เรื่องที่เธอร้องเรียน แล้วนำมาแจ้งความหมิ่นประมาทได้



หลังจากนั้นเธอจึงเข้าไปปรึกษากับตำรวจ ว่าต้องการทำหนังสือร้องเรียนไปที่ต้นสังกัดอีกครั้งว่า "เหตุใดหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ถึงหลุดไปอยู่ในมือของคู่กรณี (สามี) และทำให้สามีมาแจ้งความกลับเธอได้



เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า หากเธอไม่รับทราบข้อกล่าวหา ก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เธอจึงตกเป็นผู้ต้องหาในวันนั้น และได้พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า จะทำสำนวนส่งไปที่อัยการเลย



หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน และในวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้เธอไปหาที่สำนักอัยการ หากมีเรื่องร้องเรียนสามารถทำได้ในชั้นอัยการ เธอถามว่าจำเป็นต้องนัดทนายความไปหรือไม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าไม่จำเป็น พอเธอเดินทางไปถึง ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งบอกว่า พรุ่งนี่จะส่งฟ้องเธอแล้ว ทำให้ งง มาก เนื่องจากตำรวจพูดไม่ตรงกัน



เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เธอรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมในหน่วยงานราชการ ทำให้เธอจำเป็นต้องออกมาร้องเพื่อข้อความเป็นธรรมให้กับตนเอง



สามีของตนเองแอบไปมีภรรยาใหม่ มีลูกด้วยกันถึง 2 คน แต่ตนเองกลับตกเป็นจำเลย โดยความไม่เป็นธรรม จึงขอความกรุณาผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือในเรื่องนี้อีกด้วย

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/iWHJ-wj6588