สังคม

สุดทน 9 ปี! เพื่อนบ้านจอดรถขวางทาง อ้างเป็นทนาย ทะเลาะบานปลาย สุดท้ายท้าออกโหนกระแส

โดย JitrarutP

19 มี.ค. 2567

232 views

ทนมา 9 ปี สาวร้อง เพื่อนบ้านอ้างเป็นทนาย จอดรถขวางทางเข้า-ออก จนเกิดปัญหาทะเลาะกันบานปลาย สุดท้ายท้าออกโหนกระแส

ผู้ใช้งาน Facebook รายหนึ่งส่งเรื่องร้องเรียนมายังเพจโหนกระแสเพื่อขอความเป็นธรรมเนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามจอดรถขวาง วางราวตากผ้าหน้าบ้าน ทำให้เข้าออกไม่ได้ และเป็นแบบนี้มานานถึง 9 ปี อดทนมาตลอดจนล่าสุดเกิดเหตุวิวาทะขึ้น เพราะตนเองจะถอยรถออกจากบ้าน แต่ออกลำบากจนเกือบจะเบียดกับรถคู่กรณีทำให้เกิดปากเสียงทะเลาะกัน ฝั่งคู่กรณีอ้างเป็นทนายความ จึงท้าทายให้ไปออกรายการโหนกระแสให้สังคมช่วยตัดสิน

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์คุณนฤชา กมุทโยธิน ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านที่เกิดเหตุย่านบางใหญ่ นนทบุรี สอบถาม คุณณัฐกันต์ ผู้ร้อง บอกว่าวันเกิดเหตุ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เธอกับ นางสาววาสนา เพื่อนสนิท กำลังจะออกไปทำธุระข้างนอก จังหวะที่ถอยรถออกจากซอย ซึ่งปกติก็แคบอยู่แล้วเพราะบ้านของคู่กรณีทั้งจอดรถขวางหน้าบ้านและนำราวตากผ้ามาตากหน้าบ้านอีก

ซึ่งรถของเธอคือคัน Mazda สีขาวที่กำลังจะถอยออก และเป็นจังหวะที่บ้านของคู่กรณีถอยรถสวนกลับเข้ามาอีก และจะมีรถคันสีน้ำเงิน จอดอยู่อีกฝั่ง ทำให้รถของเธอเหมือนถูกบีบและถอยออกอย่างยากลำบาก เธอยอมรับว่า โมโห และปรี๊ดแตกมาก ฝั่งคู่กรณีด่าเธอว่า จะรีบถอยรถมาทำ....(เฮีย) อะไร

จากนั้นก็ลงมาโต้เถียงกัน พักหนึ่ง ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาช่วยไกล่เกลี้ย ซึ่งฝั่งของคู่กรณี ชายเสื้อสีเทา บางช่วงบางตอนมีการพูดอ้างด้วยว่าเป็นทนายความรู้ข้อกฎหมายเหมือนกัน

ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิง 2 คน ไม่รู้จะสู้ยังไงจึงท้าทายกลับไปว่าให้มาออกรายการโหนกระแสด้วยกันมั้ย ให้สังคมช่วยตัดสินว่า ใครถูกใครผิด เพราะตั้งแต่ซื้อบ้านและอยู่ที่นี่มาเกือบ 10 ปี มีปัญหาเรื่องที่จอดรถและการเข้าออกมาโดยตลอด ทำให้เธอรู้สึกทนไม่ไหว เคยถึงขั้นไม่อยากกลับบ้านต้องออกไปเช่าหอพักอยู่ถึง 2 ปี เพื่อหนี้ปัญหาดังกล่าว

ขณะที่ คุณวาสนา บอกว่า เธอเป็นคนมาดูบ้านหลังนี้และตัดสินใจซื้อ เพราะเห็นว่าทำเลดี ฮวงจุ้ยดี มีลมพัดเย็นตลอดทั้งวันและเป็นบ้านหลังมุมมีเนื้อที่ด้านข้าง ซึ่งตอนที่มาดูเกือบ 10 ปีที่แล้วภายในซอยยังไม่มีรถจอดเยอะแบบนี้ จนอยู่ไประยะหนึ่งบ้านของฝั่งคู่กรณีมีรถ 2 คันและจะจอดหน้าบ้านเธอแบบนี้ตลอด ส่วนรถของบ้านเธอมี 1 คันก็จะจอดหน้าบ้านในลักษณะเดียวกัน แต่จะมีการพูดคุยกับบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่อยู่ในสุดเพราะบ้านหลังดังกล่าวก็มีรถเหมือนกัน เวลาเข้าออกจะสลับกันถอยเข้าออกไม่มีปัญหาอะไรกัน

แต่ทางฝั่งบ้านคู่กรณี มีปัญหากันมาตลอด เคยร้องเรียนไปที่นิติบุคคลของหมู่บ้านก็ทำอะไรไม่ได้ ได้ข้อสรุปเพียงว่าเวลาจะถอยเข้าออกให้ไปกดกริ่งเรียก ซึ่งที่ผ่านมาเธอก็เคยไปกดกริ่งเรียกแต่บางครั้งที่เป็นเวลาเร่งด่วน บ้านของคู่กรณีก็จะออกมาช้าเคยขอเบอร์โทรศัพท์มือถือทางฝั่งบ้านคู่กรณีไม่ยอมให้บอกว่ากลัวเธอจะเป็นมิจฉาชีพ

หลังจากนั้นก็เริ่มไม่คุยกัน และ เวลาเข้าออก ก็จะมีปัญหาลักษณะนี้เรื่อยมาจนกระทั่งวันเกิดเหตุ ฝั่งคู่กรณีนำราวผ้าออกมาตากกินไปเกือบครึ่งถนนและรถของฝั่งคู่กรณีอีกคันก็กำลังถอยสวนเข้ามา นอกจากนี้บ้านข้างๆก็นำรถมาจอดซ่อมที่หน้าบ้านอีกทำให้ เธอเองออกจากบ้านลำบาก และมีปากเสียงทะเลาะกัน พอตำรวจมาถึง ฝั่งคู่กรณีอ้าง ว่าเป็นทนายความ ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าบ้านฝั่งคู่กรณีเป็นทนายความแต่เห็นโลโก้ที่ติดหน้ารถว่า สำนักงานอัยการสูงสุด และ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอ้างแบบนั้น

เพื่อให้ความเป็นธรรม เราจึงพูดคุยกับ คุณประสิทธิ์ เพื่อนบ้านคู่กรณี บอกว่าลูกชายตนเป็นทนายความจริง แต่ที่พูดไม่ได้ต้องการข่มขู่ฝั่งผู้ร้อง แต่เห็นว่าฝั่งผู้ร้องมีการโทรศัพท์แจ้งตำรวจมา ลูกชายตนจึงพูดไปด้วยความโมโห

ส่วนปัญหาเรื่องการจอดรถ คุณประสิทธิ์ บอกว่า บ้านตนมีรถ 2 คัน จอดรถหน้าบ้านแบบนี้มา 10 กว่าปี ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้าน แม้แต่บ้านข้างๆ ยังอนุญาตให้ตนจอดรถขวางหน้าบ้านได้ เพราะอยู่ซอยเดียวกันต้องพึ่งพาอาศัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน แต่ที่มีปัญหามีอยู่บ้านเดียวคือบ้านของผู้ร้อง ซึ่งจริงๆก็มีรถ 2 คัน อีกคันหนึ่งเป็นรถกระบะ เวลามาจอดก็จอดขวางหน้าบ้านเหมือนกันและกินถนนเกินมาครึ่งหนึ่ง เวลาตนจะขับรถเข้าออกก็ลำบากไม่แพ้กัน

ก่อนหน้านี้ก็เคยพูดคุยกันดีๆ แต่จุดแตกหัก เกิดขึ้นเพราะราวผ้าที่บ้านของตน ซึ่งยอมรับว่าบางครั้งต้องนำมาตากกลางถนนเพื่อต้องการให้ผ้าโดนแดด ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง ทางฝั่งผู้ร้อง จะถอยรถออกจากบ้านและติดราวตากผ้าของตนจึงมีการตะโกนขึ้นว่า "ตากผ้าแบบนี้รถจะออกยังไง"

ตอนนั้นตนนั่งอยู่ในบ้านได้ยินเต็ม 2 รูหู และเป็นลักษณะการพูดกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจ ตนจึงสวนกลับไปทันทีว่า "มีปากนี ก็บอกได้" และราวตากผ้ามีล้อสามารถเลื่อนขยับได้ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็เริ่มเกิดรอยร้าวทำให้บ้านของตนและฝั่งผู้ร้องไม่คุยกัน จนมีการไปร้องเรียนถึงนิติบุคคล และก็มีเป็นปัญหากันเรื่อยมา

โดยบ้านที่โดนผลกระทบอีกครั้งหนึ่งคือบ้านที่ซ่อมรถอยู่หน้าบ้าน ช่างหนึ่งบอกว่า วันที่เกิดเหตุ รถของเพื่อนแอร์เสีย จึงขับรถมาหาที่บ้าน และให้ตนซ่อมให้ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็ซ่อมเสร็จ ไม่ได้ซ่อมทั้งวันและไม่ได้เปิดบ้านเป็นอู่ซ่อมรถทุกวัน

ซึ่งตนเองก็รู้สึกตกใจมาก ที่บ้านของคุณณัฐกันต์ เปิดกระจกมาด่า ต่อว่าตนเองด้วย ตนเลยรู้สึกอารมณ์ขึ้น จึงเดินไปร่วมวงโต้เถียงด้วย

นอกจากนี้ ช่างหนึ่ง ยังยืนยันว่า ที่ผ่านบ้านของนายประสิทธิ์ และบ้านของตน รวมถึงบ้านหลังอื่นๆในซอยไม่เคยมีปัญหากันเรื่องจอดรถ เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาโดยตลอด



รับชมผ่านยูทูบ :  https://youtu.be/UW1-4Nz2YOE

คุณอาจสนใจ

Related News