สังคม

ส่อคดีพลิก 13 ชีวิตนอนข้างถนน อ้างถูกปิดทางเข้า-ออกบ้าน เจ้าของที่โต้กลับ ที่เห็นนั้นจัดฉาก

โดย paweena_c

29 ก.พ. 2567

153 views

ครอบครัว 13 ชีวิต ออกมากินนอนอยู่บนถนน หลังเดือดร้อนถูกเจ้าของที่ปิดทางเข้าออก ทำทัวร์ลงเจ้าของที่ สนั่นโซเชียล ล่าสุดคดีส่อพลิก หลังเจ้าของออกมาโต้กลับ พร้อมมีหลักฐานชัดเจน

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สื่อครยก ได้โพสต์ภาพครอบครัวกว่า 13 ชีวิต นั่งกินข้าว และกางเต็นท์นอนริมถนน เพราะถูกปิดทางเข้าบ้าน ในพื้นที่ หมู่ 4 ตำบลบ้านพร้าว อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังนี้อยู่ในพื้นที่ตาบอด แต่ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านเคยแบ่งพื้นที่เล็กๆ ให้เดินผ่านทางได้ แต่ต่อมามีปัญหาทะเลาะเรื่องหมา จึงมีการกั้นอาณาเขตไว้ ทำให้มีบ้านประมาณ 3 หลัง ถูกปิดทางเข้าออก

หลังภาพและคลิปเผยแพร่ในโลกโซเชียล ทำให้มีแฟนเพจเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต่อว่าเพื่อนบ้านที่ปิดทางเข้าออก เช่น ใจดำ ไม่เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ต่างๆ นานา

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบกับนายสมพร อายุ 52 ปี หนึ่งในครอบครัวที่ปรากฎภาพกิน-นอนอยู่ริมถนน ได้ให้ข้อมูลว่า ครอบครัวไม่สามารถเข้าบ้านได้ เนื่องจากเจ้าของที่ได้ปิดทางเข้าออก ทำให้ต้องออกมากินนอนกันอยู่ข้างนอก

จากนั้นได้พาผู้สื่อข่าวเดินเข้าไปตามทางดังกล่าว ซึ่งเส้นทางนั้นอยู่ห่างจากถนนใหญ่ กว่า 1 กิโลเมตร เมื่อเข้าไปถึงจะเจอจุดที่เพื่อนบ้านปิดทางเข้าออก มีป้ายบอกเป็น "พื้นที่ส่วนบุคคล ห้ามเข้า"

ส่วนด้านในพบว่า มีบ้านอยู่ 3 หลัง ซึ่งเป็นของครอบครัวทั้ง 13 ชีวิต เป็นเด็ก 8 คน ผู้ใหญ่ 5 คน ขณะที่อีกฝั่งของบ้านที่เป็นปัญหานั้น มีบ้านเรือนอีกหลายหลังถูกล้อมรั้วไว้

ซึ่งผู้สื่อข่าวสังเกตว่า แค่ก้าวข้ามรั้วเดินประมาณ 5-10 เมตร ก็ถึงถนนสาธารณะ ใกล้กว่าทางที่เป็นประเด็นอยู่เยอะมาก ทำไมไม่ขอผ่านทางนี้ พอสอบถามก็ได้ความว่า สมัยก่อนบ้านเรือนฝั่งที่ติดกับตนนั้น ได้รวบรวมเงินซื้อทางเข้าออกกัน ก่อนที่จะเป็นทางสาธารณะ

แต่ครอบครัวของตนนั้นไม่ได้ร่วมซื้อทางด้วย เพราะไม่มีเงิน จึงไม่สามารถใช้ทางดังกล่าวได้ แต่ฝั่งที่เป็นปัญหาปิดกั้นทางนั้น ครอบครัวของตนใช้เดินผ่านเข้าออกกันมากว่า 40 ปีแล้ว หลังจากนี้จะไปยื่นฟ้องทางเข้าออกให้เป็นทางภาวะจำยอมต่อไป

ผู้สื่อข่าวสอบถามข้อมูลจากชาวบ้าน ระบุว่า สมัยก่อนบ้านที่อยู่ติดกั้นน้้น ได้เสนอขอเงินครอบครัว 13 คนนี้ เพียง 3,000 บาท เพื่อที่จะถมทางเข้าออก แต่ครอบครัวนี้ปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน เจ้าของบ้านถึงได้ล้อมรั้ว หลังจากนั้น ครอบครัวนี้ก็มีพฤติกรรมเอาก้อนหินไปปาใส่หลังคาบ้านข้างเคียง และครอบครัวนี้ ก็ไม่ค่อยจะถูกกับบ้านใครในบริเวณโดยรอบสักเท่าไหร่

ต่อมาผู้สื่อข่าวไปพบกับเจ้าของที่ นางสาวรุ่งรัตน์ อายุ 45 ปี บอกว่า ทางที่ครอบครัว 13 คน ใช้เดินเข้าออก แต่เดิมคุณพ่อของตนเคยให้ใช้ เนื่องจากบ้านเขาอยู่ในที่ตาบอด พ่อจึงอนุญาตให้ใช้ แต่ก่อนพ่อจะเสียชีวิตได้บอกว่า ต่อไปลูกหลานจะสร้างอะไรหรือปิดทางก็แล้วแต่ลูกหลานเลย แต่หลังจากพ่อเสียชีวิตไป ครอบครัวก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปิดทาง

ส่วนสาเหตุที่ต้องปิดทางเข้าออก เพราะตนเดินออกไปเห็นครอบครัวนี้มาตีหมาของตน ทั้งที่หมาไม่ได้ดุร้ายอะไร แค่วิ่งไปเห่าคนเดินตามปกติเท่านั้น พอตนตะโกนไปว่าจะตีมันทำไม อีกฝ่ายชี้หน้าด่ากลับด้วยถ้อยคำหยาบคาย และได้บอกว่าหมามึงมากัดเด็ก

แต่ฝ่ายตนมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดว่าหมาเพียงแค่เห่าเท่านั้น ไม่ได้กัดเด็กอะไรเลย ยอมรับว่าตนรับไม่ได้ที่หมาถูกตีต่อหน้า ตนจึงเกิดอารมณ์โมโห และพูดไปว่า ถ้าหมามันกัดก็มาเรียกค่าเสียหาย ไม่ใช่ไปตีมัน แต่ถ้าเดินเข้าออกแล้วหมามันจะกัดจริงๆ งั้นก็ไม่ต้องเดินกัน

จากนั้นตนจึงได้นำป้ายไปปิดทางเข้าออก ซึ่งต่อมาก็มีทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอส.มาเจรจา เพื่อขอให้เปิดให้ครอบครัวดังกล่าวนั้นเข้าไปพักก่อน เนื่องจากดึกแล้ว ตนก็เห็นใจ ยอมให้เข้า และได้บอกว่า พรุ่งนี้ออกมาแล้วก็ไปเอาหมายศาลมา แล้วจะเปิดให้ เนื่องจากว่าครอบครัว 13 คนได้พูดว่า จะไปฟ้องศาล เป็นทางภาวะจำยอม เพราะใช้เข้าออกมากว่า 40 ปี

และต่อมามีภาพที่ครอบครัวดังกล่าวกินนอนกันข้างถนนออกในโซเชียล ทำให้มีคนมาด่าครอบครัวตน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ครอบครัวนี้ตั้งใจจะสร้างภาพขึ้นมาเรียกร้องความเห็นใจ ทั้งที่จุดที่ครอบครัวนั่งถ่ายภาพกันข้างๆ เป็นร้านสังกะสีของครอบครัวนั้น และสามารถเดินเข้าออกกันได้ตามปกติ

นอกจากนี้ฝั่งเจ้าของบ้าน ยังนำหลักฐานกล้องวงจรปิดอีกหลายเหตุการณ์ ที่ครอบครัวนี้มีพฤติกรรมไม่ดี เช่นคลิปที่เด็กๆ เอาไม้ไปวิ่งไล่แหย่หมา จนเป็นเหตุทำให้เวลาเดินแล้วหมาถึงได้ไล่เห่า และยังมีคลิปที่หนึ่งในครอบครัว 13 คน เอาก้อนหินเข้ามาที่บ้าน

และคลิปเหตุการณ์ช่วงที่ปิดทางได้มีคนเข้ามาข่มขู่จะทำร้าย ทำให้ครอบครัวตนรู้สึกไม่ปลอดภัย และได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับเพจแล้ว เพราะนำข้อมูลไปโพสต์โดยที่ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่ายก่อน



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/nGW6iq8Ik6U

คุณอาจสนใจ

Related News