สั่งรื้อบันได 'หน้าบ้านพูลวิลล่า' พบรุกล้ำชายหาด ‘แพทย์หญิง’ รับไม่ได้ ต่างชาติเหยียดคนไทย

หมอสาวร้องสื่อถูกชาวต่างชาติเตะหลัง ขณะนั่งที่บันไดริมหาดชมพระจันทร์คืนวันมาฆบูชา กล่าวหาบุกรุกที่ส่วนตัว ด่ากราดเหยียดไทยโลคอล ด้านพ่อคุณหมอยืนยัน จะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีคนไทย

กรณีมีเฟซบุ๊กโพสต์เรื่องเล่าจากแพทย์หญิงคนไทย เป็นแพทย์เวชปฎิบัติทั่วไป ประจำคลินิกโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของภูเก็ต ถูกชายชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้าง ทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณทุ่มครึ่ง ขณะไปนั่งชมจันทร์กับเพื่อน ที่หาดสาธารณะใกล้บ้าน บริเวณ Cape Yamu ซึ่งไปเดินเที่ยวเป็นปกติ แต่เหตุเกิดหลังจากไปนั่งพัก ตรงบันไดที่ปลูกต่อลงมาจากวิลล่าหมายเลข 23 ลงมาบริเวณชายหาด แล้วรู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง ก่อนรู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง

เมื่อตั้งสติได้ถึงรู้ว่า ถูกชายชาวต่างชาติตัวใหญ่ น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม กระหน่ำเตะกลางหลัง พร้อมถือโทรศัพท์เพื่ออัดวีดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด ต่อมายังมีภรรยาชาวไทย เดินออกมาพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโต มาบอกว่า "นี่อีดอกสองตัวนี้มานั่งอยู่หน้าบ้านกู พวกมึงรู้มั้ย ต่อให้พวกกูยิงพวกมึงตาย กูก็ไม่ผิด เพราะลูกกูเป็นตำรวจ และรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต กูจะเอาพวกมึงเข้าคุกให้ได้ กูจะโทรหาท่านรองเดี๋ยวนี้" แล้วก็โทรหาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่าให้ส่งตำรวจมา

ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจหนุ่มทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง เราก็บอกกับตำรวจว่า เราถูกทำร้ายร่างกาย ชายชาวต่างชาติก็มาพูดกับเราว่า "อ๋อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้ไหมชั้นไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้พวกมึงนั่งหน้าบ้านกู" เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร

หลังจากนั้นตำรวจก็เดินมาพูดกับเราว่า ตอนนี้มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเราเป็นคนบุกรุกมีโทษหนักกว่า ต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกายจ่ายเงินก็จบ ตอนนี้ต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก เราจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1.ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2.ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ และ 3. ไปคุยกันที่โรงพัก ฝั่งนู้นเค้าบอกว่า เราขอโทษฝรั่งได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษเรา และเราจะต้องติดคุก

หลังจากนั้นเราไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง จึงรู้ชื่อของชาวต่างชาติ ทำให้เราช็อคมาก เพราะชายคนนี้เป็นชาวสวิส เป็นเจ้าของมูลนิธิที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือช้าง ที่เคลมว่า เค้าจะปกป้องดูแลช้าง และไม่ทำร้ายช้าง แต่เค้าทำร้ายผู้หญิงค่ะ รบกวนขอความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ เพราะอีกฝั่งเป็นชาวต่างชาติที่มีอิทธิพลในภูเก็ต มีข้อสังเกตว่ามีตำรวจยศใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่สมควรมีคนไทยคนไหนโดนชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย

โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ นายเดวิด ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมทนายความ ได้หอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เข้าชี้แจงกับพันตำรวจโท ปฏิวัติ ยอดขวัญ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ถลาง หลังถูกแพทย์หญิงแจ้งความ ข้อหาทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยหนึ่งในหลักฐานเป็นคลิปที่นายเดวิดอ้างว่า ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ ขณะเดินเข้าไปทางด้านหลังแพทย์หญิงแล้วลื่น ทำให้เท้าไปถูกหลังของแพทย์หญิง จึงคิดว่านายเดวิดเตะ แต่นายเดวิดไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวดู อ้างเป็นหลักฐานทางคดี

ทนายของนายเดวิด เผยว่า นายเดวิดเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอโทษที่เท้าหรือตัว ไปถูกคู่กรณี และขอยืนยันว่าเป็นการสะดุดล้ม ซึ่งในฐานะทนายความ คิดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะรู้กันดี ว่าเหตุการณ์มันคืออะไร ความจริงมันมีที่มาที่ไปก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้น คือก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์คนอื่นเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ทำให้เป็นการบุกรุก และนายเดวิดเคยให้บุคคลในวันนั้น ออกไปจากบริเวณดังกล่าว ส่วนกรณีที่ภรรยานายเดวิดต่อว่าแพทย์หญิงและเพื่อน นายเดวิด หรือทนายความไม่ได้ตอบคำถาม

นายเกษม พ่อของแพทย์หญิง เผยว่า ลูกสาวยืนยันจะฟ้องศาลที่ถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียดว่า เป็นไทยโลคอล รวมถึงคำพูดที่ว่า คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย อีกทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ตเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย

ส่วนที่คู่กรณีออกมาบอกว่า ไม่ได้เตะแต่เป็นการล้มใส่ ขอตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโต น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก น่าจะล้มไปทั้งตัว และหากล้มใส่จริง มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปด่าลูกสาวและเพื่อน

ล่าสุดนายอำเภอถลาง ลุยตรวจสอบแนวเขตที่ดินวิลล่าหรูริมหาดยามูแล้ว ชี้ชัดบันไดขั้นที่ 1 อยู่ในแนวเขต ส่วนบันไดขั้น 2-4 รุกล้ำชายหาดสาธารณะ นายกเล็กป่าคลอกแจ้งความ พร้อมสั่งรื้อ

ด้านพันตำรวจเอก ภาสกร สนธิกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เผยว่า ตามกระบวนการสอบสวน วันนี้ต้องสอบปากคำผู้เสียหายก่อน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ถ้าพบว่าผู้ถูกกล่าวหาทำความผิดตามข้อกล่าวหา ก็จะออกหมายเรียก ตอนนี้ไม่กังวลเรื่องคดี วันนี้ผู้เสียหายนำผลการตรวจร่างกายมาให้ ก็จะดำเนินคดีไปตามความเห็นของแพทย์ เรื่องความหนักเบาของแผล และระยะเวลาในการรักษา

ส่วนเรื่องที่เป็นกระแสสังคม วันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความประพฤติชาวต่างชาติ ที่เข้ามาในจังหวัดภูเก็ต มีด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตเป็นเลขา เพราะช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีชาวต่างชาติบางคนประพฤติตนไม่เหมาะสม ก็จะพิจารณาเพิกถอนหนังสือเดินทาง ขอให้เชื่อมั่นในการสอบสวนของตำรวจ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/UrDM2DUWczI