สังคม

'หญิงลี' พูดแล้ว! ลูกทุ่งโลก 2 ใบ ยันไม่ได้คบซ้อน ฝ่ายชายโต้หนังคนละม้วน ชวนไปอยู่ด้วยหาว่าบุกรุก

โดย paweena_c

13 ธ.ค. 2566

959 views

หญิงลี ศรีจุมพล ออกมาเคลียร์ปมนักร้องลูกทุ่งโลก 2 ใบแล้ว ยันไม่ได้คบซ้อน เจ็บปวดผู้ชายใส่ร้าย ล่าสุดผู้ชายที่หญิงลีพูดถึงออกมาโต้กลับแล้วว่า พี่เอาผมไปอยู่บ้านด้วยเอง และบอกว่าเลิกกับผู้ชายทุกคนแล้ว

นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง หญิงลี ศรีจุมพล เปิดเผยว่า กรณีปมโลก 2 ใบ ว่าหญิงถูกคุกคามเรื่องความปลอดภัย ย้อนไปคืนวันที่ 16 เม.ย. คาบเกี่ยววันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา วันนั้นเกิดความรุนแรงขึ้น คือการที่เราขอแยกย้ายทุกคนออกจากการทำงาน เนื่องจากพฤติกรรมหลายๆ อย่างที่เรารู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาไม่ยอมไป แล้วก็อาละวาด

วันนั้นเขาได้มีการไลฟ์ เราก็เลยไปแย่งโทรศัพท์มาเพราะไม่อยากให้เกิดความเสียหาย โทรศัพท์เครื่องนั้นก็เป็นของหญิงนี่แหละที่เขาขอไปยืมใช้ แล้วเราก็ได้เห็นความน่าเสียใจในโทรศัพท์เครื่องนั้นเยอะมาก ได้เห็นการถูกคุกคาม ความรุนแรง และความน่ากังวลใจมากมาย

แล้วก็มีข้อความที่น่าเสียใจที่เพื่อนของเขาส่งข้อความมาบอกว่าให้กอบโกยให้มากๆ นะ เราก็ช็อกและเสียใจ แล้วเราก็ได้เห็นว่าเขาถ่ายภาพกล้องที่ถ่ายทำโปรดักชั่น เราก็ไปตรวจหา ปรากฏว่ากล้องเราหายไปหลายตัว เลยไปแจ้งความ

ส่วนประเด็น โลก 2 ใบนั้น หญิงลี บอกว่า ฝ่ายชายเขาก็พูดไปเรื่อยเปื่อย แต่ในมุมของหญิงคือหญิงยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้จดทะเบียน หญิงคุยกับพี่ไม้อยู่ ซึ่งพี่ไม้แกมีปัญหากับหญิง ทะเลาะกันเรื่องดื่ม หญิงก็เลยบอกว่าฉันไม่สามารถพัฒนาหรือเปิดตัวคุณได้จริงจัง

ในช่วงนั้นหญิงก็มีโอกาสได้ศึกษากับคนนั้นที่คุกคามหญิงทางสื่อ แต่ในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนมันมีแต่ความน่ากังวลใจ จนรู้สึกไม่ไหว ไปต่อไม่ได้ ต่อให้เรา ชอบ ถูกใจ หรือรอคอยมานานพันปีหมื่นปีมันก็ไปต่อไม่ได้ หญิงก็เลยต้องบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันเถอะ แต่เขาก็ไม่อยากไป

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวถามว่าคบซ้อนหรือไม่ หญิงลี บอกว่า หญิงก็ไม่ได้คบซ้อนอะไร ในช่วงเวลานั้นหญิงได้ห่างกับพี่ไม้ เพราะว่าเรามีปัญหากัน เพราะถ้าคุยกับอีกคนนึง ก็ต้องห่าง กับอีกคนหนึ่ง คือหญิงคุยกับไม้แล้วรู้สึกปลอดภัย ถึงแม้ว่าวันนั้นหญิงจะพบวิกฤติ แต่วันนี้หญิงได้พบความรักที่ปลอดภัย หญิงไม่รู้ว่าพัฒนาการจะเป็นยังไงในวันหน้ากับคุณไม้ แต่ ณ วันที่เกิดเหตุเราได้มีการปรับความเข้าใจและเริ่มต้นใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า การคุกคามของเขาคนนั้น เพราะอยากกลั่นแกล้งที่เรากลับไปคืนดีกับแฟนเก่าใช่หรือไม่ หญิงลี ตอบว่า ตรงนั้นก็คงจะมาทำให้เราเสื่อมเสีย เพราะเขาส่งข้อความมาว่า "ผมไม่มีอะไรจะเสีย ผมจะเอาไปฟ้องสื่อ

ซึ่งหญิงก็มีความกังวลใจมาตลอด ทั้งความไม่ปลอดภัย ขนาดเขาเป็นคนไปร้องสื่อเอง เมื่อวันที่ 24 พ.ย. เขายังโพสต์เลยว่า 555 ขออย่าให้เป็นตัวเขานะ"

หญิงลี บอกอีกว่า ส่วนกล้องที่หายไป รวมประมาณ 3 แสน 8 หมื่นกว่าบาท และได้แจ้งความไว้แล้ว ส่วนฝ่ายชายเคยทำร้ายหรือไม่ หญิงลี บอกว่า เขาไม่เคยทำร้ายร่างกาย แต่จิตใจคือทำให้เรารู้สึกกังวลและเสียใจเสมอมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาผู้ชาย 2 คน เคยเผชิญหน้ากันไหม หญิงลี บอกว่า มีครั้งนึงค่ะ ที่หญิงบอกว่าอยู่บ้านคุณแม่ใจดี แล้วเขาก็ไปหาหญิง"

ส่วนที่บอกว่า ถึงขั้นเอาปืนจ่อหัวกันนั้น อันนั้นหญิงเห็นข่าวแล้วก็รู้สึกว่าทำไมเขาแต่งเรื่องได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น คือวันนั้นคุณไม้เขาจะไปรับหญิงที่บ้านแม่ใจดี มีเคสแบบนี้ๆ นะ มันต้องหยุด ต้องจบ ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทีนี้มันมีการแจ้งความ หญิงก็ไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่

เรื่องของเรื่องคือกระเป๋าคาดอกของคุณไม้ หญิงเข้าใจว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์ แบตเตอรี่สำรอง หญิงไม่คิดว่าจะเป็นปืน เขาก็ถูกจับดำเนินคดีในส่วนของพกพาอาวุธ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ซึ่งไม่มีการจี้หัวใดๆ เลยค่ะ ซึ่งเราก็แบบงง ว่าทำไมเป็นหนังคนละม้วน ผู้ชาย 2 คนเจอหน้ากันวันนั้น ไม่มีเรื่องใหญ่หรือรุนแรงกันเลยค่ะ เขาก็เคลียร์กันประมาณว่าขอโอกาสให้ไปคบกับเขา(คนที่คุกคาม) แต่เราก็ไม่ไป

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้าวันนี้เราพูดออกไปแล้ว ฝ่ายชายเอาอะไรมาแฉอีกจะทำอย่างไรหญิงลี บอกว่า อันนี้ต้องฝากทนายความดูแล เพราะหญิงก็เหนื่อยล้าและเศร้าใจ หญิงต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องทำงานอีกเยอะ

ล่าสุด ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณสิทธิกร ปรักกัมนนท์ ได้พูดคุยกับคุณเบนซ์ คุณเบนซ์ บอกว่าวันนี้ขอเปิดหน้า เนื่องจากว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว สิ่งที่จะเล่ามันคือความจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้มานักข่าวหลายสำนักติดต่อมา ผมก็ไม่เคยออกมาพูด ซึ่งเมื่อวานนี้ ที่ฝ่ายหญิงออกมาพูด มีสิ่งที่พาดพิงตนเยอะพอสมควร ทำให้คนรอบข้าง คนที่รู้จักมองในด้านลบ

คุณเบนซ์ บอกว่าจริงๆแล้วไม่ได้อยากออกมาเปิดเผยทางสื่อ หรือออกมาแฉอะไรเลย หากผมจะทำ ผมคงทำไปตั้งนานแล้ว แต่ก็เลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลใดๆกับใครเลย แต่วันนี้ครอบครัวของผมเห็นว่าผมถูกหมายเรียกจากตำรวจ ทำให้ตอนนี้ คุณแม่ ตายาย ของผมต้องมาเดือดดร้อน ถึงขั้นนอนไม่หลับ ผมจึงอยากออกมาพูดในความถูกต้อง

คุณเบนซ์ บอกว่า รู้จักกับฝ่ายหญิงเมื่อประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งผมทำอาชีพฟรีแลนซ์ รับถ่ายภาพในวันนั้น จากนั้นระยะเวลาผ่านมาก็ไม่ได้เจอกันอีก ต่อมาเมื่อช่วงปีที่แล้ว ผมไปเก็บภาพคอนเสิร์ต บรรยากาศงาน ก็ได้ไปเจอฝ่ายหญิง ไปยกมือสวัสดีเขา จากนั้นเขาให้ผู้จัดการมาบอกกับผมว่าให้ไปรอหลังเวที

หลังจากฝ่ายหญิงถ่ายภาพกับแฟนคลับเสร็จ เขาเดินมากอดผม กอดอยู่สักพักใหญ่ จนผู้จัดการมาสะกิดบอกว่า ดูไม่ดีแล้ว เขาจึงบอกให้ทางผู้จัดการมาขอเบอร์ ขอไลน์ ผมไว้ ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า เผื่อมีงาน มีคอนเน็กชั่น จึงให้เบอร์และไลน์ไป

วันรุ่งขึ้นฝ่ายหญิงมีการทักแชทไลน์ มาสอบถามว่าผมทำงานอะไร ทำอาชีพอะไร ผมก็เล่าให้ฟัง จากนั้นเขาถามผมว่า เงินพอใช้ไหม ผมก็บอกไปว่าพอที่จะประคองตัวเองได้ จากนั้นเขาโอนเงินให้ผม 5,000 บาท

หลังจากวันนั้นเขาติดต่อให้ผมไปหา เพื่อที่จะไปคุยงาน เนื่องจากเขาต้องขึ้นคอนเสิร์ต พอผมไปถึง รองานจบ เขาชวนไปทานข้าว ตนก็รู้สึกเอะใจ ว่าทำไมถึงชวนไปทานข้าว แต่ผมก็ไป จากนั้นก็พูดคุยกันมากขึ้น ต่างคนก็ต่างมีใจให้กัน และฝ่ายหญิงบอกว่าตามหาคนแบบผมมานานแล้ว การที่เราได้มาเจอกันถือว่าเป็นพรมลิขิต

หลังจากนั้นเพียง 2-3 วัน ฝ่ายหญิงได้ชักชวนผม ไปอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยในฐานะคนรัก แต่ช่วยเหลือในการทำงาน โดยให้ผมดูแลเรื่องขับรถ ดูแลเรื่องของที่พัก รวมถึงการเดินทางไปงานคอนเสิร์ต ซึ่งฝ่ายหญิงให้เงินผมเดือน 20,000 บาท ซึ่งคนในบ้านรวมถึงทีมงานรับรู้ความสัมพันธ์ของผมและฝ่ายหญิงทั้งหมด

ตอนนั้นผมรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงเคยมีคนคุยมาก่อน ซึ่งผมก็ได้สอบถามกับฝ่ายหญิงว่า แล้วผู้ชายคนอื่นที่เคยคบหากันคืออะไร แต่ฝ่ายหญิงบอกว่า จบแล้ว เคลียร์ไปแล้ว ผมจึงมั่นใจที่จะเข้าไปอยู่ในบ้านโดยไม่ต้องปิดบังอะไร

หลังจากคบหากันสักพัก มีอยู่วันหนึ่งฝ่ายหญิงเดินทางไปที่รีสอร์ทบ่อยมาก ผมจึงเกิดความสงสัยว่า ไปทำอะไร ฝ่ายหญิงบอกว่าไปเคลียร์ปัญหากับคนเก่า สาเหตุที่ไปเพราะเรื่องทำงาน ซึ่งตอนนั้นผมก็หึงหวง แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน จากนั้นก็มีมีปากเสียงกัน ทะเลาะกันมาตลอด

หลังจากนั้นฝ่ายหญิงได้บินกลับมาที่กรุงเทพฯ ผมก็ไปรอรับเขาแต่ฝ่ายหญิงบอกว่า วันนี้เราไม่เข้าบ้านดีกว่าไหม ไปนอนที่บ้านของคนสนิทของเขา ซึ่งผมกับเขาก็ไปนอนบ้านคนสนิทได้ 1 คืน พอตื่นเช้ามา ฝ่ายหญิงทำท่าทีกังวลใจ ผมจึงถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร

พอวันรุ่งขึ้นเขามีการคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งผมก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไร สักพักเขาเดินออกมาหน้าตาตื่น เขาบอกว่า "ผู้ชายคนนึงจะเข้ามานะ ค่อยๆคุยกันนะใจเย็นๆ" ซึ่งผมก็บอกไปว่า "ผมไม่ได้อยากมีปัญหา คุณบอกว่าคุณเคลียร์ไปแล้ว คุณก็ต้องเป็นคนคุยเอง"

จากนั้นฝ่ายชายมาถึงที่บ้าน ตนเองก็อยู่ในบ้าน มีปากเสียงกันปะทะอารมณ์กันไปมา จากนั้นฝ่ายชายได้พูดขึ้นมาว่า "มรึงจะหยุดไหม ถ้าไม่หยุด เดียวกรูจะหยุดมรึงเอง" พร้อมชักปืนขึ้นมาจ่อที่หัวผม จากนั้นเจ้าของบ้านโทรศัพท์หาตำรวจ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา ฝ่ายชายได้นำปืนขึ้นไปแอบข้างบนบ้าน พอตำรวจตรวจค้นก็พบปืนพร้อมกระสุนเต็มแม็ก ซึ่งสาเหตุที่ผมไม่ดำเนินคดีเนื่องจากฝ่ายหญิงได้ขอร้องไว้

หลังจากวันนั้นผมก็จับได้ว่าฝ่ายหญิงคุยกับฝ่ายชาย(ตนเก่า)ทำนองว่า "ให้ฝ่ายชายรอ กำลังเคลียร์กับผมอยู่" แต่สิ่งที่ฝ่ายหญิงคุยกับผม คือบอกว่าเคลียร์กันฝ่ายชายไปแล้ว จึงทำให้ผมรับไม่ได้ และตกลงกันว่าผมจะออกจากบ้านไปวันที่ 19 เมษายน แต่สุดท้ายผมอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้แล้วรู้สึกอึดอัด และเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

จึงตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันที่ 16 เมษายน แต่ฝ่ายหญิงก็เข้ามาถามผมว่า ทำไมถึงรีบไป ทำไม่ถึงไม่อยู่เก็บเกี่ยวความสุขกันก่อน แต่ผมก็บอกว่าไม่แล้วรู้สึกอึดอัด

หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บอกให้ผมเอาโทรศัพท์ของผมไปให้เขา ซึ่งผมก็ไม่ยอม ฝ่ายหญิงจึงเรียกคนในบ้านออกมา ผมเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลฟ์ แต่ไม่ได้ต้องการแฉ เป็นการไลฟ์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ไม่ได้เป็นสาธารณะ ยืนยันที่ทำไปเนื่องจากต้องป้องกันตัวเอง เพราะฝ่ายหญิงเรียกคนมาหลายคน กลัวจะไม่ปลอดภัย

ขณะเดียวกันเขาก็ให้คนในบ้านสองคนมาทำร้ายผม โดยทุบเข้าที่ท้ายทอยผม จากนั้นได้แย่งโทรศัพท์มือถือไป หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงก็ไปแจ้งความผมในข้อหาบุกรุก

คุณเบนซ์ บอกว่า ส่วนเรื่องกล้องที่หายไปนั้น ฝ่ายหญิงเคยบอกกับผมว่า กล้องวีดีโอ ที่ไม่ได้ใช้งาน สามารถนำไปปล่อยเช่าหารายได้เสริมได้นะ ซึ่งบางทีผมก็นำกล้องไปปล่อยเช่า แต่สาเหตุที่กล้องหายไปนั้น ผมไม่ทราบ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป

ซึ่งก่อนหน้านั้น ผมเคยบอกกับฝ่ายหญิงแล้วว่า กล้องหายให้ไปแจ้งความ แต่ง่ายหญิงกลับเฉย ซึ่งหากฝ่ายหญิง คิดว่าผมเป็นคนเอาไป หากมีหลักฐานให้เอาออกมายืนยันได้เลย

ส่วนเรื่องของแชท ผมยอมรับว่ามีการคุยแชทกับอดีตคนเคยคุยจริง และเมื่อฝ่ายหญิง(นักร้องดัง)รู้ จึงโทรไปหาอดีตคนเคยคุยของผม และบอกให้เลิกยุ่งกับผม

ซึ่งข้อความแชทอันนั้นอดีตคนเคยคุย ตอบกลับมาด้วยความโมโหและประชดประชันผม หาว่าตนเองเป็นแมงดา กอบโกยอะไรฝ่ายหญิงได้ก็ให้กอบโกยมาให้หมด ถ้าอ่านทั้งประโยคมันคือการประชดประชันว่าไม่น่ากลับมาคบกับผมเลย


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/BbnZ2L7IU3g

คุณอาจสนใจ

Related News