อดีตตร.ชักปืนขู่ไฟแนนซ์ หลังยึดรถ 'ฟอร์ด มัสแตง' ตามคำสั่งศาล ลั่น "ไม่หลบกูยิง มาทำอะไรกับรถกู"

พนักงานไฟแนนซ์ ร้องถูกหนุ่มขับรถหรู ฟอร์ด มัสแตง ชักปืนขู่ขณะกำลังเข้ายึดรถตามคำสั่งศาล และปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอน ซึ่งคดีผ่านไปเกือบเดือนยังไม่มีความคืบหน้า

จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 โพสต์คลิปเหตุการณ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ได้เดินทางไปปฏิบัติงานยึดรถหรูยี่ห้อฟอร์ด มัสแตง สีแดงคันหนึ่ง แต่กลับถูกเจ้าของรถถือปืนขึ้นมาข่มขู่ เหตุเกิดในพื้นที่ซอยเพชรเกษม 75 โดยในคลิปจะเห็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์กำลังใช้เทปกาวแปะตามตัวรถ ตามขั้นตอนของการยึดรถ ต่อมาได้มีชายสวมเสื้อสีเขียว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน เดินถือปืนมา แล้วดึงเทปกาวออกจากรถ และตะโกนด่าเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนจะสตาร์ตรถขับหนีออกไป

ทีมข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางถนนเพชรเกษม พบว่า หลังจากคนขับรถหรูชักปืนขู่ไฟแนนซ์แล้ว ขับรถฟอร์ด มัสแตง สีแดงคันดังกล่าว ขับออกจากซอยเพชรเกษม 75 มุ่งหน้าไปทางถนนพุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งกล้องวงจรปิดหลายตัวสามารถจับภาพรถคันดังกล่าวไว้ได้ คนขับ ขับไปอย่างหน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเป็นข่าวแล้ว พนักงานสอบสวน สน.หนองแขม ได้เรียก คุณเอก และคุณฟ้าพนักงานไฟแนนซ์ เข้าให้ปากคำ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน แจ้งว่าผู้ชายที่ก่อเหตุชื่อนายอิสระ เผ้าหอม อายุ 43 ปี ส่วนชื่อผู้ครอบครองรถจริง ๆ ไม่ใช่นายอิสระ แต่เป็นชื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดต่อขอข้อมูล ว่าทำไมรถคันดังกล่าวมาอยู่ที่นายอิสระ และปัญหาที่ขาดส่งค่างวดจนไฟแนนซ์ต้องตามยึดรถ เกิดขึ้นจากใคร

คุณเอก เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา พอตนรู้พิกัดของฟอร์ด มัสแตง ว่าจอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 75 จึงสอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นก็เหมือนกลัวอะไรบางอย่างไม่กล้าให้ข้อมูลเจ้าของรถคันนี้ จนกระทั่งมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิดีโอคอลคุยกับเจ้าของรถ

สักพักไม่คิดว่าเจ้าของรถดังกล่าว จะออกมาจากบ้านพร้อมชักปืนขึ้นขู่พร้อมที่จะลั่นไกและพูดขึ้นว่า "ไม่หลบกูยิง มาทำเหี้...อะไรกับรถกู" จากนั้นก็เดินไปแกะเทปกาวที่ซีลรถไว้ และขึ้นรถขับออกไปทันที

คุณเอก บอกว่า ตอนนั้น พูดอะไรไม่ออกเลย ตกใจกลัวจนขาสั่น ทำงานยึดรถมากว่า 10 ปี ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ นี่เป็นครั้งแรก เพราะปกติเจ้าของรถก็จะยอมเจรจาด้วยตลอด โดยตั้งข้อสงสัยว่า รถคันนี้มีอะไรผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่บุคคลผู้ครอบครองรถตามเอกสารคำสั่งศาล และที่อยู่ที่ไปเจอรถ ก็ไม่ตรงกันกับในเอกสาร

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนยังรู้สึกหวาดกลัวในการทำงาน และรู้สึกไม่ปลอดภัย เบื้องต้นได้เข้าแจ้งความกับตำรวจไปตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว ซึ่งขณะนี้ผ่านมาประมาณครึ่งเดือนแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า

เช่นเดียวกับ คุณฟ้า อายุ 23 ปี พนักงานไฟแนนซ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า เธอเพิ่งเริ่มทำงานได้เดือนกว่า ๆ ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวยังติดตาจนนอนไม่หลับ แม้ว่าผ่านมากกว่า 20 วัน ตอนนี้ก็ยังรู้สึกผวาอยู่เลย

ขณะที่ นายพีร์ โรจนดารา คนช่วยเหลือ กล่าวว่า ตนเองได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ขอให้ช่วยเหลือ เนื่องจากรู้สึกหวาดกลัว กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลัวว่าจะได้รับอันตราย และสืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุเคยเป็นอดีตตำรวจยศใหญ่ ระดับสารวัตร ลาออกจากราชการตอนประมาณปี 57 และออกมาทำธุรกิจส่วนตัว

ซึ่งนายพีร์ บอกว่า ผู้ก่อเหตุเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะกลัวเรื่องอิทธิพล ซึ่งตอนปี 63 ผู้ก่อเหตุเคยมีข่าวอาละวาดกลางสนามบินดอนเมือง เพราะตัวเองมาช้าและตกเครื่อง จึงโวยวายไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ก่อนทุ่มจอคอมพิวเตอร์แตกกระจายกลางสนามบิน

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ลงพื้นที่ภายในซอยเพชรเกษม 75 ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุและบ้านของผู้ก่อเหตุ จากการสอบถามชาวบ้านระแวกนี้ ให้ข้อมูลว่าเคยเห็นรถหรูสีแดงมาจอดที่นี่อยู่เป็นประจำ แต่ไม่เคยคุยกับเจ้าของรถ เพราะส่วนใหญ่ต่างคน ต่างอยู่ ซึ่งวันที่เกิดเหตุชาวบ้านไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรเพราะปกติเจ้าของรถคันดังกล่าวเป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว โดยทีมข่าวพยายามติดต่อตัวผู้ก่อเหตุ แต่ไม่ยอมรับสายและไม่ยอมเปิดบ้านออกมาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกันทีมข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ ได้โทรศัพท์ ไปหาผู้ก่อเหตุ รับโทรศัพท์แต่บอกว่า ไม่สะดวกคุย

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พนักงานสอบสวน สน.หนองแขม กล่าวว่า ได้ออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งส่งไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุที่ต่างจังหวัด ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้ติดต่อตัวผู้ก่อเหตุไปเบื้องต้นอ้างว่า ปืนที่ใช้ข่มขู่นั้นเป็นปืน BB Gun, พร้อมยืนยันเร่งรัดคดีให้ถึงที่สุด และให้ผู้ก่อเหตุเข้าพบตำรวจภายในสัปดาห์นี้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/oQRy5Dt_7Jc