เมียเก่างง! ผัวหิ้วสาวใหม่แจ้งจับยักยอกทรัพย์ เรียกเงินคืนกว่า 7 แสน ผัวชี้เอาผิดเหตุไม่ทำตามสัญญา

สาววัย 36 ปี ชาว บุรีรัมย์ เป็น งง ถูกสามีกลับมาจากต่างประเทศพร้อมภรรยาใหม่ แจ้งจับฐาน "ยักยอกทรัพย์" เพราะต้องการเอาเงินที่ส่งเสียกว่า 7 แสนบาทคืน ขณะที่ฝ่ายชายโต้กลับเงินที่ส่งให้อดีตภรรยา ส่วนหนึ่งให้เก็บเอาไว้ให้ ส่วนสาเหตุที่เลิก เพราะเขามีใหม่

น.ส.น้อย อายุ 36 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว พร้อมกับเล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ปี 60 เธอแต่งงานกับ นายนิกร อายุ 49 ปี เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน มีการจัดงานแต่งตามปกติ สินสอดตอนนั้น 200,000 บาท ทองอีก 4 บาท แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

จากนั้น เดือน ม.ค. 61 สามีเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน ก่อนจะไป ได้พากันไปดาวน์รถกระบะ มา 1 คัน หลังจากนั้นสามี ได้ส่งเงินกลับมาทุกเดือนๆ ละ 30,000-40,000 บาท บอกว่า เงินส่วนหนึ่งเอาไว้ส่งค่างวดรถ เดือนละ 8,526 บาท ที่เหลือเก็บไว้ใช้จ่ายภายในครัวเรือน โดยระหว่างที่สามีทำงานอยู่ต่างประเทศ ทั้งคู่จะติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก หรือ วิดีโอคอลหากันเป็นประจำ

กระทั่งปี 64 สามี เริ่มผิดปกติ บอกว่า "จะไม่ส่งเงินให้แล้ว เราต่างคนต่างไปเถอะ" และต่อมาญาติสามี ก็มาเอารถกระบะคืนกลับไป เพราะรถเป็นชื่อของสามี ซึ่งเธอก็ให้ไป แล้วเลิกการติดต่อกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และมาทราบอีกที เดือน พ.ย. 65 ปีที่แล้ว ว่า อดีตสามี กลับมาจากต่างประเทศ พร้อมกับมีแฟนใหม่ เป็นชาว จ.สกลนคร และเธอไม่เคยเจอสามี เพราะเขาไปอยู่บ้านแฟนใหม่ที่ จ.สกลนคร

ล่าสุด วันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้เธอกับพ่อ งง หนักมาก เพราะจู่ๆ ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ว่า อดีตสามี แจ้งความกล่าวหาเธอข้อหา "ยักยอกทรัพย์" พอเธอไปพบตำรวจ ก็มาทราบว่า สามีต้องการเงินที่ส่งมาให้ใช้ทุกเดือน รวม 37 ครั้ง เป็นเงิน 720,000 บาทคืน

ตอนนี้ยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย จึงอยากให้ผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมายมาชี้แนะ และอยากจะถามอดีตสามีว่า เธอไม่เคยทำผิดอะไร ไม่เคยคิดนอกใจ แต่ทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอ

และด้วยความทุกข์ใจ น.ส.น้อย ถึงกับจุดธูปหน้าศาลพระภูมิหน้าบ้าน เพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้เรื่องร้ายในครั้งนี้ผ่านพ้นไป เพราะครอบครัวไม่มีเงินมากถึง 7 แสนกว่าบาท มาคืนให้

ขณะที่ พ่อของ น.ส.น้อย กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจลูกสาว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ทั้งที่เป็นการส่งเสียเลี้ยงดูภรรยา ยอมรับว่า ลูกเขยใจดำเกินไป กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกันเหมือนไม่ใช่ลูกผู้ชาย และวันที่ไปเจอกันที่โรงพักเขายังไม่สนใจ หน้ายังไม่มอง

ต่อมาผู้สื่อข่าว เดินทางไปที่บ้านของฝ่ายชาย นายนิกร อดีตสามี น.ส.น้อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน น.ส.น้อย พบบ้านปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่ จึงได้โทรศัพท์ไปพูดคุย นายนิกร ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ไปแจ้งความดำเนินคดี เพราะฝ่ายหญิงไม่ทำตามสัญญาที่คุยกันไว้ เงินที่ส่งมาให้เดือนละ 30,000-40,000 บาท ให้เก็บเอาไว้ให้ในบัญชีธนาคาร เดือนละ 20,000 บาท แต่เมื่อกลับถึงเมืองไทย กลับไม่พบเงินในบัญชีที่ตนคิดว่าน่าจะมีประมาณ 720,000 บาท

สาเหตุที่เลิกกันเพราะหลังจากตนไปทำงานได้ไม่ถึง 1 ปี ได้มีเสียงนินทาไปถึงหูตนเอง ว่าภรรยาแอบไปมีชายอื่น จึงไปเอารถกระบะคืน แล้วบอกตัดความสัมพันธ์ ส่วนภรรยาใหม่ตนเพิ่งเจอกันตอนกลับมาเมืองไทยแล้วตกลงอยู่กินกัน

ผู้สื่อข่าวย้อนกลับมาสอบถาม น.ส.น้อย ถึงกรณีดังกล่าว ได้รับคำตอบว่า ไม่เคยทำสัญญาตามที่อดีตสามีบอก บอกแค่ให้ส่งงวดรถให้ ที่เหลือเก็บไว้ใช้จ่ายภายในครอบครัว ส่วนเรื่องผู้ชายที่สามีออกมากล่าวหาก็ไม่ใช่ความจริง

ด้าน นายพิเดช นุ่มเนื้อทิศ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า วันแต่งงานตนได้ไปร่วมงานด้วย เท่าที่เห็นฝ่ายหญิงไม่เคยทำตัวไม่ดี ตอนที่สามีอยู่ต่างประเทศ ส่วนปัญหาที่ทั้ง 2 เลิกรากันตนก็ไม่ทราบ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/T8GZqOWd4zU