แพ้เสียงแตร! จยย.หัวร้อนหนัก ถูกสาวบีบแตรใส่ ตามทุบกระจกรถ-ตะโกนด่า ทำผวากลางถนน

ชายขี่จยย.หัวร้อน ไม่พอใจถูกบีบแตรใส่ โมโหมาทุบกระจกและตะโกนด่าคู่กรณีที่เป็นผู้หญิง ล่าสุดตำรวจจับกุมได้แล้ว พบผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต

เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 5.2 โพสต์คลิปเหตุการณ์ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขับรถอยู่บนถนนราชดำเนินกลาง ช่วงด้านหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และได้มีชายขับขี่รถจักรยานยนต์ กำลังโวยวายใส่ด้วยคำหยาบ ก่อนจะใช้มือทุบเข้าที่กระจกรถของผู้เสียหายและขี่รถหนีไป

ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) เวลา 11.33 น. ขณะที่เธอกำลังขับรถไปทำงาน ผ่านเส้นทางดังกล่าว พอถึงช่วงเลี้ยงโค้งเข้าวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็สังเกตเห็นว่า มีรถมอเตอร์ไซค์ของคู่กรณีขับอยู่เลนซ้ายด้านหน้า และอยู่ดีๆ ก็หยุดรถ และทำท่าจะเซมาทางฝั่งรถของเธอ เธอจึงบีบแตรสั้นๆ เป็นการเตือน ไป 1 ครั้ง เพราะไม่แน่ใจว่าคู่กรณีไม่สบายหรือไม่ ที่อยู่ๆ ก็หยุดรถและเซ

ยืนยันว่าที่บีบแตร เพราะกังวลว่าคู่กรณีจะเซล้ม ไม่ได้บีบไปเพราะความโกรธอะไร แต่หลังจากบีบแตรไป 1 ครั้ง คู่กรณีก็หันมาตะโกนใส่เธอ ด้วยความโมโหแต่ฟังไม่ได้ใจความ ซึ่งตอนนั้นเห็นว่า คู่กรณีก็ไม่ได้ป่วยหรือมีอาการอะไรผิดปกติ ก็เลยไม่ได้สนใจจึงขับรถต่อไป เพราะไม่ได้มีการเฉี่ยวชนหรืออุบัติเหตุอะไร

จากนั้น คู่กรณีก็ขี่รถจักรยานยนต์ตามเธอมา และตะโกนด่าด้วยคำที่หยาบคายรัวๆ ตอนนั้นเธอกลัวมาก เพราะอยู่คนเดียว ทำอะไรไม่ถูก จึงหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน และพยายามบีบแตรรัวๆ หวังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแถวนั้นเข้ามาช่วยเหลือ

นอกจากนี้ คู่กรณียังได้หยิบหมวกกันน็อคชูขึ้นเหมือนจะทุบเข้าที่กระจกรถฝั่งที่เธอนั่งเพื่อเป็นการขู่ แต่ใช้มือทุบเข้าที่กระจกรถแทน ก่อนจะขี่รถหนีไป วินาทีนั้นกลัวมาก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่มีคนมาตะโกนด่าประชิดตัวแบบนี้ ซึ่งตอนนั้นมีเพียงแค่กระจกรถกั้น หากกระจกแตก และหากคู่กรณีมีอาวุธเธอคงจะได้รับบาดเจ็บแน่ เพราะคู่กรณีดูด่าทอแบบไม่มีสติแล้ว และอยากให้ตำรวจ เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ เพราะมองว่าเป็นบุคคลอันตราย ต้องการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

หลังเกิดเหตุผู้เสียหายไปแจ้งความ ที่ สน.ชนะสงคราม ตำรวจก็สามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ คือ นายอธิวัฒน์ อายุ 41 ปี เป็นคนมีอาการทางจิต ที่เร่ขายของอยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เบื้องต้นยอมรับว่าได้ใช้กริยาวาจาไม่สมควรจริง โดยบอกว่า โมโหเรื่องการขับรถยนต์ของผู้เสียหาย

เหตุการณ์ดังกล่าว ทางตำรวจบอกว่าเป็นเหตุลหุโทษ จึงประสานผู้เสียหาย ให้เข้ามาพูดคุยเรื่องการดำเนินการทางกฎหมายในวันเสาร์นี้ เนื่องจากผู้เสียหายอยู่ต่างจังหวัด