คดีพลิก! หนุ่มพลเมืองดีโป๊ะแตก หลังอุ้มศพเด็กส่ง รพ. ที่แท้เป็นพ่อ อ้างแฟนสาวแท้งเอง

อุบลราชธานี - จากกรณีสื่อโซเชียลแห่แชร์ โพสต์ตามหาหนุ่มพลเมืองดีนำทารกถูกทำแท้งส่งโรงพยาบาล โดยพลเมืองดีรายนี้อ้างว่าวัยรุ่นหญิงชายขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอด พร้อมกับ ยื่นถุง สีแดง มายัดใส่มือ บอกว่า "เอานี่ไป" วับรุ่นชายก็ รับมา โดยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นชายหญิง ก็ขี่รถมอเตอร์ไซด์ หนีไปเหตุเกิดขณะเดินไปซื้อน้ำแข็งภายในซอยสุขาสงเคราะห์ 1 /1 แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดต่อหนุ่มพลเมืองดีรายนี้เข้าให้การได้ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่จุดที่ภายในซอยสุขาสงเคราะห์ 1/1 เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งมีกล้องวงจรปิดหันไปที่ถนน จึงขอเปิดดูว่าในคืนวันดังกล่าววัยรุ่นที่ให้การกับตำรวจนั้นได้เดินผ่านมาหรือไม่ ซึ่งจากคำให้การครั้งแรก เป็นช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตี 1 ไม่เห็นว่าวัยรุ่นคนดังกล่าวเดินผ่านหรือมีวัยรุ่นชายหญิงขี่มอเตอร์ไซค์นำถุงมาให้ ตามที่วัยรุ่นกล่าวอ้าง แต่พบว่ามีรถเก๋งลักษณะคล้ายกับคันที่ไปส่งที่โรงพยาบาล ขับเข้าไปในซอยตอนเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง จากนั้นก็ไม่เห็นว่าขับออกมา และในเวลาเที่ยงคืน 40 นาที ฝนได้ตกลงมาอยู่ประมาณ 5 นาที ซึ่งฝนหยุดก็ยังไม่เห็นว่ามีใครเดินผ่าน

สอบถาม นางช้องรัตน์ เจ้าของหอพักแห่งหนึ่งในซอย สุขาสงเคราะห์ 1/1 ซึ่งเป็นหอพักที่วัยรุ่นชายกล่าวอ้างว่าได้อาศัย โดยนางช้องรัตน์บอกว่า ไม่คุ้นหน้า หรือเคยเห็นวัยรุ่นคนดังกล่าวในหอพัก และจากการตรวจสอบเอกสารคนที่มาเช่าหอพักก็ไม่พบชื่อนายเอกพล สุธรรม และพอเป็นข่าวก็ได้สอบถามวัยรุ่นที่พักอยู่ในหอว่า เคยเห็นรู้จักไหม ทุกคนก็บอกว่าไม่เคยเห็น และตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอาชื่อหอไปกล่าว และไม่รู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ถ้าเป็นตัวเองหากมีคนนำของมาส่งให้ตัวเองก็คงจะไม่รับอย่างแน่นอน

จากนั้น ผู้สื่อข่าว ได้ลองโทรติดต่อไปยังเบอร์ของวัยรุ่นชายที่ให้ไว้กับตำรวจอีกครั้ง ครั้งนี้มีคนรับสายเป็นผู้หญิง ชื่อ นางสาวเก๋ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี แฟนสาวของหนุ่มที่อุ้มเด็กไปโรงพยาบาล เมื่อสอบถามว่าเป็นอะไรกับเจ้าของเบอร์ เจ้าตัวก็บอกว่าเป็นแฟนและถามผู้สื่อข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้สื่อข่าวจึงเล่าให้ฟังว่า แฟนของเธอนำเด็กทารกไปส่งโรงพยาบาลเมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย. และตอนนี้โซเชียลได้มีการแชร์ตามหาแฟนหนุ่มของเธอ เพื่อให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเป็นข่าวดัง โดยนางสาวเก๋แจ้งกับทางผู้สื่อข่าวว่ายังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรจะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ

กระทั่งช่วงบ่าย 27 มิ.ย. ทั้ง 2 สามีภรรยา ได้เดินทางเข้าให้การแล้วจากการสอบปากคำทั้งสองคนรับสารภาพว่า เด็กทารกเพศหญิงดังกล่าวเป็นลูกของตนเอง ซึ่งวันเกิดเหตุฝ่ายหญิงได้แท้งลูก แล้วเด็กทารกหลุดออกมา สามีจึงได้ตัดสายสะดือเด็กทารกออกเพื่อนำส่งโรงพยาบาล ตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ส่วนสาเหตุในการสร้างเรื่องว่ามีผู้เอาเด็กทารกมาให้เพราะยังตกใจและสับสน

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้นยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทั้ง 2 คน เพราะอยู่ระหว่างการรักษาตัวและผลรายงานการชันสูตรจากแพทย์ผู้เชียวชาญว่าเด็กที่เสียชีวิตนั้นอายุครรภ์เท่าใด แท้งเองหรือทำให้แท้ง ก่อนจะสรุปสำนวนต่อไป