สังคม
'ทนายสายหยุด' ยันมีข้อต่อสู้ช่วย 'ทนายตั้ม' เผยหลักฐานชี้ เป็นเพียงการผิดสัญญา ไม่ใช่ฉ้อโกง
โดย panwilai_c
9 พ.ย. 2567
60 views
ทนายความของทนายตั้มและภรรยา ยันมีแนวทางการต่อสู้คดีของลูกความ โดยจะเข้าเยี่ยมลูกความที่เรือนจำในวันจันทร์หน้า และเตรียมยื่นประกันตัวภรรยาทนายตั้มอีกครั้ง
นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของทนายตั้ม เปิดเผยถึงสาเหตุที่ศาลอาญา ไม่ให้ประกันตัวภรรยาของทนายตั้มว่า เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ ที่ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก 8-10 ปาก เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีแผนจะยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง
การยื่นขอประกันตัวครั้งแรกค่อนข้างกะทันหัน ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมหลักฐานเพียงพอ ยอมรับว่าการขอยื่นประกันตัวหลายครั้ง มีผลต่อการพิจารณาของศาล ทำให้ยื่นขอใหม่ได้ยากขึ้น
ส่วนทนายตั้มเข้าใจสถานการณ์ โดยได้เตรียมใจไว้แล้ว พร้อมให้กำลังใจภรรยาว่าจะต้องปรับตัวให้ได้กับการอยู่ในเรือนจำในช่วงนี้
โดยในวันจันทร์นี้ ตนจะเข้าเยี่ยมทนายตั้มและภรรยา พร้อมนำอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว และของใช้ที่จำเป็นเข้าไปฝาก ซึ่งทนายตั้มไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ทั้งนี้ตนเชื่อว่ายังมีข้อต่อสู้คดี โดยจะนำหลักฐานไปชี้แจงว่าข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงอาจเป็นเพียงการผิดสัญญา ซึ่งต่างจากกรณีฉ้อโกงทั่วไป
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีจะเป็น 3 เรื่อง อย่างเช่นเรื่องจากรถเบนซ์ที่มาดามอ้อยให้ทนายตั้มมา 13 ล้านบาท ที่ทนายตั้มได้ค่าส่วนต่าง 1 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งได้จากโชว์รูม
ประเด็นต่อมา คือเรื่องเงิน 9 ล้าน ซึ่งเป็นออกแบบโรงแรม แต่ภายหลังมาดามอ้อย เป็นคนยกเลิกให้ทนายตั้มดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งทนายตั้มไม่ได้ชี้แจงว่าเงิน 9 ล้านที่ได้มา นำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง
นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของมาดามอ้อย เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ตนได้ไปคัดค้านการประกันตัวทนายตั้มและภรรยา ที่ศาลอาญา ซึ่งศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยมาดาอ้อย ยังยืนยันว่าเงิน 71 ล้านบาท เป็นเงินที่ถูกหลอกลงทุน ไม่ใช่ให้ด้วยความเสน่หา
ส่วนประเด็นที่นายสายหยุด ให้ข้อมูลกับสื่อว่าเงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่มาดามอ้อยให้ทนายตั้มมาเพื่อลงทุน ไม่ได้เป็นการหลอกนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะพูด แต่ทั้งหมดก็ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาล
ส่วนประเด็นเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ตนไม่ทราบว่าทางตำรวจได้เรียก นายนุ และ คุณสา มาให้ปากคำหรือไม่เพราะไม่มีรายละเอียด ส่วนตัวมาดามอ้อยขณะนี้ยังอยู่ในประเทศไทยและพร้อมต่อสู้คดี
นายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เปิดเผยกับทีมข่าวว่า อยู่ระหว่างการประสานกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้มและภรรยา จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการอายัดทรัพย์ใคร
นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผุ้อำนวยการกองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยหลังจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวทนายตั้มและภรรยาว่า ทั้งสองคน ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ ประกอบด้วย ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ
จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งตัวผู้ไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ
โดยทนายตั้มและภรรยา ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี แต่ก็มีอาการเครียดซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังใหม่ แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งคู่ยังสามารถรับประทานอาหารได้ปกติ โดยมื้อเช้าของทนายตั้มเป็นข้าวสวย แกงจืดวุ้นเส้น และไข่เจียว ส่วนมื้อเช้าของภรรยาทนายตั้ม เป็นข้าวต้ม และผัดไชโป๊วใส่ไข่ นอกจากนี้ทั้งคู่ก็ยังสามารถนอนหลับได้ แต่ก็อาจมีตื่นบ้างเป็นบางเวลา ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังใหม่ที่ต้องใช้เวลาปรับตัว ซึ่งกรมราชทัณฑ์ก็จะจัดแพทย์และนักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษาแนะนำทั้งในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตตามกระบวนการ
ส่วนทนายตั้ม หลังจากกักตัวแล้ว จะต้องไปอยู่แดนเดียวกับบอสชาย ทั้ง 11 คน ของบริษัทดิไอคอน ซึ่งเป็นคู่กรณีกันนั้น ในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิจารณาตามความเหมาะสม
โดยบอสชายของดิไอคอนทั้ง 11 คน ได้แยกแดนกันเรียบร้อยแล้ว อยู่แดนละ 2-3 คนกระจายกันไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งนอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบคู่กรณีของทนายตั้ม ในคดีอื่น ๆ ด้วย เพื่อความปลอดภัย
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Vgbqywii1Lo