สังคม

มอบตัวอีกราย! ตำรวจเอี่ยวคดีอุ้มรีดเงิน นักพนันออนไลน์

โดย kodchaporn_j

3 เม.ย. 2565

110 views

จากกรณีกลุ่มคนร้ายประมาณ 15 คน อ้างตัวเป็นตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ อุ้มสองสามีภรรยา ให้จ่ายเงินค่าโกงเว็บพนันออนไลน์ จนผู้เสียหายยอมจ่ายเงินสด และพระอีก 1 องค์



โดยนัดหมายเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ สภ.บางแก้ว จนกระทั่งช่วงเช้าวันที่ 2 เมษายน พ.ต.ต.คม รอดเภา สารวัตรสังกัด บช.สอท. หนึ่งในผู้ต้องหา ได้เดินทาง เข้ามอบตัวที่ สน.บางนา แล้ว



ภายหลังนำตัวฝากขัง ศาลไม่ให้ประกันตัวนั้น ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ สน.บางนา พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.น. เปิดเผยว่าเดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังกลางดึกวานนี้ทาง ส.ต.ท.อภิสิทธิ์ ฉาสันเทียะ ผู้บังคับหมู่กลุ่มงานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เดินทางเข้ามามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวน สน.บางนา



เบื้องต้น ส.ต.ท.อภิสิทธิ์ ได้ให้การปฏิเสธ ส่วน ส.ต.ท.อภิสิทธิ์จะรู้หรือไม่ว่าต้องไปทำงานในลักษณะนี้ เจ้าตัวเองปฎิเสธการตอบคำถามถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อถามถามย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทางด้าน พ.ต.ต.คม บังคับหรือไม่นั้น เจ้าตัวให้การภาคเสธ จึงไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นการบังคับหรือไม่



หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะนำฝากขังวันพรุ่งนี้ เวลา 9.00 น. โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้เสียหายและและพยาน มีความเกรงกลัวว่าจะถูกข่มขู่ ขณะนี้ด้านการสืบสวนได้ดำเนินการไปมากแล้ว สามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้ 2 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท.



ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 ราย ที่โดนออกหมายจับไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อจับกุม ซึ่งทั้ง 4 คนเองยังไม่ได้มีการประสานเข้ามามอบตัวหรือติดต่อมา ส่วนการนัดหมายผู้เสียหายเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม คาดว่าเบื้องต้นว่าทางผู้เสียหายเองจะเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในสัปดาห์หน้า



โดยในวันนี้ ทางด้านพี่สาวของผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้กำลังมำการสอบปากคำ และตนจะร่วมสอบปากคำด้วย



ส่วนกรณีที่ พ.ต.ต.คม มีประวัติเคยก่อเหตุเกี่ยวกับการข่มขู่วินรถจักรยานยนต์ ที่ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2556 นั้น หากในการสอบสวนมีข้อมูลของคดีอื่น ก็จะดำเนินการต่อไป หากเป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกเหนือพื้นที่นครบาล ก็จะประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ แต่ขณะนี้จะดำเนินการเรื่องคดีในพื้นที่นครบาลก่อน



รองผบช.น. กล่าว พล.ต.ต.ไตรรงค์ เผยอีกว่า ส่วนเงินที่ได้มาจากการเล่นพนันของผู้เสียหายนั้น ไม่มีผลทางกฎหมายในคดีนี้ เพราะที่มาของเงินไม่ได้ทำให้การกระทำของคนร้ายไม่ผิดกฎหมาย ส่วนที่มาของเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการพนัน ก็ต้องดำเนินคดีแยกไป แต่ขณะนี้มสน.บางนา รับเรื่องคดีการกรรโชกทรัพย์ และการกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งพบว่ามีความผิดจริง นอกจากนี้ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการปิดเว็บพนันดังกล่าว และทำการสืบสวนสอบสวนแล้ว



อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนได้มาดูแลคดีนี้ตั้งแต่ต้นและตำรวจก็ทำงานอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ส่วนความปลอดภัยของผู้เสียหายนั้น ตำรวจมีมาตรการในการคุ้มครองพยานและผู้เสียหายอยู่แล้ว ขอให้มั่นใจและเข้ามาให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้สามารถขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ มีรายงานว่านอกจากการดำเนินคดีทางอาญากับสองนายตำรวจแล้ว ในส่วนของการดำเนินคดีทางวินัย ทางบช.สอท.



ซึ่งเป็นต้นสังกัด ทางพล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ได้ลงนามในคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ 50 / 2565 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน โดยหนังสือดังกล่าวมีใจความว่า ด้วยว่าที่พ.ต.ต.คม รอดเภา สว.(สอบสวน) กก.3 บก.สอท.5 ส.ต.ท.อภิสิทธิ์ ฉาสันเทียะ ผู้บังคับหมู่กลุ่มงานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอย่างร้ายแรง



โดยเป็นผู้ต้องหาในคดีความผิดฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพโดยกระทำความผิดกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ตามเลขคดีอาญาของสถานีตำรวจนครบาลบางนา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม เวลาประมาณ 14.40 ถึง 23.30 น. มีกลุ่มชาย ฉกรรจ์จำนวน 15 คน ร่วมกันรีดเอาทรัพย์สินจาก นางสาวกาญจนาภรณ์ ช่วงกรุด และนายธวัชชัย สร้อยทองผู้เสียหาย เป็นเงิน จำนวน 400,000 บาท พร้อมพระเครื่อง จำนวน 1 องค์ ราคา250,000 บาท รวมเป็นเงิน 650,000 บาท



ต่อมาปรากฎพยานหลักฐานว่าเป็นสองนายตำรวจสังกัด บช.สอท. ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว จึงมีเหตุให้พักราชการได้ตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพ.ศ. 2557 ข้อ 3 (1 ) โดยมีกรณีถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ ราชการ หรือเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ และพนักงานอัยการมิได้รับเป็นทนายแก้ต่างให้



อีกทั้งพิจารณาแล้วเห็นว่าถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดการเสียหายต่อทางราชการ และการสอบสวนพิจารณาจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2557 ประกอบกับกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2557 ข้อ 8



จึงให้ ว่าที่ พ.ต.ต.คม รอดเภา และ ส.ต.ท.อภิสิทธิ์ ฉาสันเทียะ ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 5 ราย



ประกอบด้วย 1.ส.ต.ท.อภิสิทธิ์ ฉาสันเทียะ อายุ 33 ปี หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ 199/65 ซึ่งเข้ามอบตัวเมื่อคืนวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา, 2.นายชัยวัฒน์ แสนโภคทรัพย์ อายุ 36 ปี หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ 198/65, 3.นายศราวุธ นานุต อายุ 36 ปี หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ 197/65, 4.นายเทพ พรัดมะลิ อายุ 42 ปี หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ 200/65 และ 5.นายบุญทิ้ง สุขก้อน อายุ 48 ปี หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ 201/65 ข้อหา ร่วมกันทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ หน่วงเหนี่ยวกักขัง กรรโชก



ต่อมาเวลา 14.30 น. เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ภายหลังเข้าสอบปากคำ พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ทั้งแม่และพี่สาวก็มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้ทั้งแม่และพี่สาวก็ยังติดต่อผู้เสียหายไม่ได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำนั้นค่อนข้างเป็นประโยชน์ เพราะแม่ของผู้เสียหายอยู่ในเหตุการณ์ที่ถูกผู้ก่อเหตุบุกค้นบ้าน และพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวเพิ่มอีก 2 ราย เป็นอดีตข้าราชการตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยร้ายแรง



ส่วนจะเป็นการก่อเหตุลักษณะเดียวกับคดีนี้หรือไม่ ต้องทำการตรวจสอบก่อน จากนี้จะทำการออกหมายเพิ่มเติมทั้ง 2 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.น.3 ที่ปรากฎรายชื่อนั้น พิสูจน์แล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่มีชื่อเพราะเคยรับราชการร่วมกับ พ.ต.ต.คม ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้เสียหาย ให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ และมั่นใจในมาตรการคุ้มครอง ขอให้เข้าปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อขยายผลถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

คุณอาจสนใจ