สังคม

แฉเต็มๆ 'ส่วยสติกเกอร์' มีมาตั้งแต่ปี 39 ส่งเรื่องถึงระดับ ผบ.ตร.แต่เรื่องเงียบ ชี้เงินสะพัด 2 หมื่นล้านต่อปี

โดย nattachat_c

5 มิ.ย. 2566

221 views

จากกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล ได้ออกมาแฉเรื่อง 'ส่วยสติกเกอร์' ที่ติดรถบบรทุก ซึ่งต่อมา ก็ทำให้หลากหลายวงการ เช่น คนขายล็อตเตอรี คนขายของ ได้ออกมาแฉถึงเรื่อง 'ส่วยสติกเกอร์' เช่นกัน 


ในวันนี้ (4 มิ.ย. 66) รายการโหนกระแส จึงได้เชิญ นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย, นายชัย (คนขับรถ), นายชำนัญ ศิริรักษ์ (ทนายความและเจ้าของกิจการรถบรรทุก) มาพูดคุยถึงเรื่องนี้ และได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อสอบถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ 


โดย นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง (ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย) กล่าวว่า 'ส่วยสติกเกอร์' มีตั้งแต่ พ.ศ. 2539 โดยตนต่อสู้เรื่องนี้มาตั้งนาน และหลายรัฐบาลแล้ว เคยไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ปัญหา


ซึ่งการที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่เป็นนักการเมือง ได้ออกมาเปิดโปงถึงเรื่องนี้ คือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มาก เพราะข้อมูลที่มีคือเหมือนผมเป๊ะ


สมัยก่อน ตนออกแฉเรื่องนี้ แทบทุกช่องโทรทัศน์ ตั้งแต่ยุคไอทีวี แต่ก็เป็นกระแสแค่ 1-2 เดือน แล้วพอกระแสก็หายไป ส่วยสติกเกอร์ก็กลับมาอีก


ตอนนี้ เชื่อใจนายวิโรจน์ว่า ถึงแม้จะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ถ้าถามว่าตอนนี้มีกี่เจ้า ก็ต้องบอกว่ามีประมาณ 45 เจ้า ที่เป็นเจ้าของสติกเกอร์


นายชัย (คนขับรถ) : สติกเกอร์จะบอกถึงสินค้าที่ขนส่ง และภูมิภาคที่เคลียร์แล้ว เช่น ไจแอนท์ คือ ดิน หิน ทราย ภาคตะวันตก ซึ่งทางเถ้าแก่เป็นคนเคลียร์ บรรทุกได้ 7,000 กก. ตำรวจเจอก็ไม่เรียก แต่ถ้าบรรทุกได้เต็มคัน จะแพงกว่านี้ มีภาษารถบรรทุกเรียกว่า ‘เต็มกล่อง’


นายอภิชาติ : ไจแอนท์ คือ ระดับประถม (ราคาถูก เคลียร์น้อย) แต่ถ้าพรีเมียมราคา 25,000-27,000 บาท บรรทุกได้ไม่มีลิมิต ไกลเท่าไหนก็ได้ 


นายชัย : ส่วน ตะวันยิ้ม คือ พืชผลทางการเกษตร ภาคกลางได้หมด รู้ชื่อเจ้าของสติกเกอร์ แต่พูดไม่ได้


นายอภิชาติ : 'ส่วยสติกเกอร์' ฝังรากลึกมานาน ตั้งแต่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชการ นักการเมือง มันมีหลายมิติ และมีความลึกมาก ต่อปีคือ 20,000 ล้านบาทนะ มีรถประมาณ 2 แสนคันที่ติดสติกเกอร์


นายชำนัญ ศิริรักษ์ (ทนายความและเจ้าของรถบรรทุก) : ตนเคยซื้อส่วยเหมือนกัน มีทั้งสติกเกอร์ มีทั้งในส่วนท้องที่ ขอรายอนุเคราะห์ตามป้อมตำรวจ ขอใช้คำว่าตำรวจนอกแถวละกัน มีการส่งส่วยเป็นลำดับขั้น ต่ำสุดคือระดับประทวน เป็นตำรวจมาคุยเลย เอาสติกเกอร์มาขาย


แบบระดับรากหญ้า คือ การจำชื่อผู้ประกอบการ (ไม่มีสติกเกอร์) มีการพูดคุยกับคนขับโดยตรง แล้วให้ไปบอกเถ้าแก่ ให้โทรไปเบอร์นี้ๆๆ ลูกน้องก็จะเอาเบอร์ไปให้ พอโทรไป ก็จะคุยกันตรงๆ เช่น รถบรรทุกอะไร วิ่งแถวไหน มีกี่คัน แล้วเอามารวมว่ากี่บาทต่อคัน ตอนนั้นมี 30 คัน การซื้อแบบนี้คือท้องที่เดียวนะ


นายอภิชาติ : เค้าจะกดดัน ให้คนขับรถโทรมาหลังเที่ยงคืน คือให้คนขับบอกเลยว่า เถ้าแก่ๆ รถถูกจับ คือ เค้าจะหาจุดผิดไปเรื่อยๆ เช่น ดอกยางโล้น รถสกปรก ป้ายทะเบียน และอื่นๆ จนเถ้าแก่รำคาญ ก็ต้องจ่าย


นายชำนัญ : มันมีการประวิงเวลาด้วย ไม่ให้คนขับขับรถไปไหน เราก็ต้องยอมจ่าย แล้วเรื่องการจ่ายเงินคือ ถ้าข้ามจังหวัดไปเรื่อยๆ ก็ต้องจ่ายตามจำนวนจังหวัด บางทีเราก็ต้องต่อรอง เพราะการจ่ายหลายจังหวัดมันลำบากและแพง ก็ต้องมีการต่อรองบ้าง


นายอภิชาติ : มีนายดาบเคยเปิดโปงปี 2551 แล้วเขาก็ตาย ส่วนผมไม่กลัว ผมอยากให้เด็กหนุ่มที่มาทำด้านนี้ ได้มีที่ทาง ผมอยากเบิกทางให้


นายชำนัญ : ตอนที่ผมจ่าย คือคนขับให้เบอร์มา ผมก็โทรกลับ แล้วบันทึกหลักฐานทุกอย่าง ถามทุกอย่าง เค้าก็พรีเซนต์มาหมด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หรือบอกว่าถ้ามีใบสั่งก็เคลียร์ได้ เค้ามีออปชั่นให้เราเลือก


พอเราได้ข้อมูลการโอนมา ทราบภายหลังคือชื่อบัญชีภรรยา เราก็ขอคุยไลน์ เราไล่ถามตั้งแต่คำถามแรกหมดเลย พอโอนเงินเสร็จ เราก็เอาข้อมูลทั้งมาเก็บ แล้วนำคดีขึ้นฟ้องเองเลย ไม่แจ้งตำรวจแล้ว เพราะตำรวจอาจเป็นพวกเดียวกัน ผลคือเค้าอุทธรณ์ เหลือจำคุก 4 ปี เค้าหนีนะ แต่เค้ายอมกลับมาติดคุก เพราะความผิดแบบนี้ไม่มีหมดอายุความ เค้ายศร้อยตำรวจโทร


ตอนนั้น มีคนระดับสารวัตรมาขอเคลียร์นะ ผมเลยถามว่า พี่เป็นตำรวจหรือเปล่า ถ้าพี่เจอคนทำผิดมาขอเคลียร์ พี่จะยอมหรอ แล้วสารวัตรเค้าก็หายไปเลย คือตอนนี้เท่ากับหลายคนไม่คุยกับผมแล้ว เพราะกลัวผมจะเก็บหลักฐาน


นายชัย : ผมขับรถมา 20 ปี อยากบอกว่า ผู้ประกอบการบางคนเค้าซื้อที่ดินหลังด่านชั่งน้ำหนักเลย เพื่อให้คนขับรถบรรทุกวิ่งอ้อมด่านชั่งน้ำหนัก  


นายอภิชาติ : แต่ทำแบบนี้คือผิด คือตั้งใจหลบเลี่ยงด่านชั่งน้ำหนัก ตั้งใจทำผิดกฎหมาย คือไม่โปร่งใส แบบนี้คือถนนพังหมด เสียภาษีประชาชนโดยใช่เหตุ เป็นที่หลังด่านชั่งน้ำหนักถนนพระราม 2 แล้วรถบรรทุกที่หลบด่านไป ก็ขึ้นสะพานพระราม 2 ทำถนนพัง สะพานพัง เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆ


นายชัย : สติกเกอร์ติดที่ข้างประตู กระจกหน้า (ล่าง-บน)


นายอภิชาติ : ผมมอบหลักฐานทุกอย่างให้นายวิโรจน์แล้ว เอาจริงผมยื่นหลักฐานพวกนี้ให้ทั้งนายกฯ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ผบ.ตร. และอื่นๆ ยื่นทุกยุค แต่ก็แก้ปัญหาได้ชั่วคราว สิ่งที่ทำให้ผมออกมาร้อง เพราะอยากบอกกับภาคประชาชนว่าถนนพังมาจากพวกนี้ ผมไม่ปกป้อง เพราะพวกนั้นทำผิด


กรรชัย : จะมี 2 แบบ คือ 1.ตำรวจเรียกเอง 2.ตำรวจจะไปเคลียร์กับผู้ใหญ่ แล้วเอาไปขายให้กับผู้ประกอบการ.


นายชัย : สติกเกอร์คำว่า ME คือใหญ่มาก ฟูลออปชั่น ทำได้ทุกอย่าง เคลียร์ได้ทุกอย่าง


นายอภิชาติ : รถบรรทุกในไทยมีประมาณ 1 ล้านคัน มี 2 แสนคัน ที่ซื้อสติกเกอร์ คือ ประมาณคันละ 1 หมื่นบาท/เดือน พูดง่ายๆ คือ เงินสะพัด 2,000 ล้านบาท/เดือน แต่มันคือการสมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งผมอยากถามว่า ผมไม่เสียส่วย ทำไมผมอยู่ได้ เอาจริงๆ การบรรทุกหนักเกินไป ทำให้รถพัง แล้วก็เสียเงินซ่อม หรือซื้อใหม่ การบรรทุกพอดีๆ จะดีกว่า


นายชัย : มีบางช่วง เค้าแจ้งไปทางเถ้าแก่เลยว่า ด่านจะปิด 1 ชม. ช่วงนี้ๆๆๆ เราก็ต้องวิ่งช่วงนี้กัน


นายอภิชาติ : ขอยืนยันว่าพวกผมไม่ซื้อส่วย สู้มา 28-29 แล้ว เคยมีคนโทรมาขู่ฆ่าด้วย บอกว่ายังอยากจะอยู่กินข้าวต่อมั้ย


นายชำนัญ : ผมก็ยังสู้อยู่นะ ทุกวันนี้ก็โดนเค้าเล่นงานอยู่ เรื่องที่โดนบ่อยสุดคือดอกยางโล้น ไม่พกยางอะไหล่ รถเลอะ (รถไม่ได้ล้าง) มันทำให้ขี้โคลนติดป้ายทะเบียน


นายชัย : พวกที่แหกด่านคือพวกที่เล่นยา ค้ายานะ ส่วนถ้าถามว่าสติกเกอร์ช่วยเรื่องบรรทุกได้ขนาดไหน ก็มีป้ายที่ 60 ตัน 70 ตัน 80 ตัน มีป้ายถึง 100 ตันด้วย จากที่กฎหมายกำหนด 50 ตัน


นายอภิชาติ : ที่พวกสติกเกอร์ขายปี 39 เพราะตอนนั้น ไอทีวีโดดเด่น เค้าไปวืบ จนตำรวจต้องหาวิธีทางใหม่คือขายสติกเกอร์


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. : ตอนนี้ สืบไปหลายขั้นแล้วครับ มีสืบสวนทางลับด้วย


กรรชัย : มีกระแสข่าวว่า เงินไปถึงพวกตัวใหญ่ๆ ด้วย


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ : เรื่องนั้น เราก็สืบครับ เราจะดำเนินตามกฎหมายครับ ยืนยันว่า ปปป. ปราบปรามทุจริตมาตลอด ไปถึงใคร ผมเอาหมด อาทิตย์นี้ จะเริ่มเห็นภาพเป็นรูปร่างมากขึ้น ส่วนการแจ้งข้อหาเป็นอีกส่วนหนึ่งครับ


กรรชัย : บางคนมองว่า จะโดนแค่ตัวเล็ก ตัวใหญ่ไม่ถึง


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ : ก็ต้องบอกว่าเราทำงานทุกมิติ ขอยืนยันว่าหน่วยงานเราเป็นที่พึ่งของประชาชน เรายึดที่หน่วยงาน ถ้าตัวบุคคลทำหน่วยงานเสีย เราก็ต้องจดการที่ตัวบุคคลครับ


กรรชัย : มีคนมองว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ในองค์กร


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ : เรื่องนี้ขอความเป็นธรรมให้ตำรวจทางหลวงส่วนใหญ่นะครับ เพราะคนที่ทุจริตมีแค่ไม่กี่คน ผมขอยืนยัน ทุกคนที่มา รู้หมดครับ ว่าปัญหาอยู่ใต้พรม แต่ตอนนี้ ถึงเวลาที่ต้องดำเนินการโดยเด็ดขาด เราจะเปิดใต้พรม แล้วจัดการครับ แต่ต้องบอกว่า ตำรวจดีก็มี ตำรวจเลวก็มี ขอยืนยันว่าไม่มีเอื้อเฟ้อ ไม่มีการตบจูบ ถูกผิดไปว่ากันในศาลครับ ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูครับ


นายอภิชาติ : ก็ขอฝากว่า ทุกหน่วยมีคนไม่ดี อยากให้พิจารณาด้วยความเป็นธรรม คนดีก็ต้องบอกว่าดี คนไม่ดีก็ต้องจัดการ


นายชำนัญ : ผมเคยตรวจสเตทเมนต์ตำรวจที่ผมเคยฟ้อง ตัวเลขน่าตกใจมาก มีเงินหมุนเวียนทุกวัน เดือนนึงหลักแสน เคยเอาไปฟ้องระดับผู้บัญชาการระดับภาคของพื้นที่ แต่เงียบ แถมมีคนมาบอกผมว่า ผมฟ้องไปแล้ว ก็ยังมีการเรียกเก็บเจ้าอื่น ซึ่งตอนนี้ ผมยินดีให้ข้อมูลผู้การฯ


ตอนผมห้อง ร.ต.ต. คือภรรยาร้อยตำรวจตรี โทรมาขอให้เห็นใจ โทรมาบอกว่า เงินในบัญชีไม่ได้ใช้เลย ได้แค่เบิกไปส่งนาย ผมเดาว่าเป็น ผกก.นะ ตอนนี้ เท่าที่ทราบก็นายย้ายไปแล้ว แต่ลูกน้องติดคุก ซึ่งผมช่วยอะไรไม่ได้ เพราะหลักฐานชี้มาแค่ ร.ต.ต. ไม่ได้ชี้ไปที่ ผกก.


คือถ้าคิดในอีกด้าน ตำรวจชั้นผู้น้อยบางคนอาจติดบ่วงที่โดนนายใหญ่บังคับทำก็ได้ แล้วเค้าก็เป็นแค่ปลายทาง ดังนั้น การจัดการปัญหาส่วยสติกเกอร์อาจจะเป็นการช่วยเหลือตำรวจชั้นผู้น้อยก็ได้


นายชัย : อยากบอกว่าเรื่องนี้ มีแทบทุกท้องที่ ทุกเขต  


กรรชัย : สุดท้ายก็ขอว่าอย่าให้เรื่องนี้เงียบแบบคราวก่อนๆ ในอดีต เพราะในยุคนี้ ยุคโซเชียล ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ฝากท่านผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยนะครับ

------------

คุณอาจสนใจ

Related News