นักเรียน นักเลง เปิดศึกไล่ฟันกลางถนน กรรมติดจรวด โดนกระบะชนกระเด็น

นักเรียนเปิดศึกกลางถนน ไล่ฟันคู่อริหนีกระเจิง ก่อนเข็นมอไซค์ไปทิ้งข้างทาง แต่กรรมติดจรวดกระบะชนกระเด็น

ภาพจากกล้องวงจรปิด ริมถนนแพรกษา ช่วงหน้าปากซอยแพรกษา 13 ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพนาที นักศึกษาอาชีวะกลุ่มหนึ่ง ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์มากัน 4 คัน รวม 6 คน กำลังจอดรถเพื่อจะกลับรถบริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะมีรถจักรยานยนต์มากัน 2 คัน รวม 4 คน ขี่ไล่ตามมาจอดบริเวณด้านหลังของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งกลุ่มนักเรียนทั้งหมดไม่เห็น ก่อนที่กลุ่มคู่อริทั้งหมด 4 คน จะลงจากรถจักรยานยนต์ วิ่งเข้าใส่กลุ่มนักเรียนดังกล่าว ใช้อาวุธมีดไล่ฟันจนกลุ่มนักเรียนอาชีวะ จนต้องทิ้งรถจักรยานยนต์หนีตายวิ่งข้ามถนนอีกฝั่ง

แต่กลุ่มคู่อริก็ยังตามไล่ฟันไป อีกส่วนก็ใช้อาวุธมีดฟันไปที่รถจักรยานยนต์ของกลุ่มนักเรียนอย่างเมามัน ก่อนที่จะเข็นรถจักรยานยนต์ของนักเรียนไปทิ้งข้างทาง จากนั้นวิ่งมาหากลุ่มเพื่อนที่จอดรถจักรยานยนต์รออยู่ แต่เหมือนกรรมติดจรวดจังหวะวิ่งมาหากลุ่มเพื่อนถูกรถกระบะที่วิ่งมาชนกระเด็น แต่ก็ลุกวิ่งมาหาเพื่อนซ้อนรถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เวลา 14.45 น วันที่ 19 สิงหาคม 2567 โดยหลังจากเหตุการณ์สงบ เจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บเป็นนักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่ง ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณแขนขวาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ

ส่วนกล้องหน้ารถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ขับรถยนต์ส่วนตัวผ่านจุดเกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์พอดี ซึ่งในขณะนั้นไม่ได้เข้าเวร จึงขับรถยนต์ไล่ติดตามผู้ก่อเหตุ ที่ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี เข้าไปภายในซอยแพรกษา 10 เอ ก่อนที่จะโทรศัพท์ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขี่รถจักรยานยนต์หนีเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรีบวิ่งไปควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ เป็นเยาวชน ชาย 2 คน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ สภ.บางปู จะมารับตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวน และต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านนี้ไม่ละเลยเหตุร้ายแม้แต่ในเวลาออกเวร

จากการสอบถาม วินจักรยานยนต์ ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองเห็นเด็กมันไล่กันมา น่าจะเป็นนักเรียนต่างสถาบันกัน โดยที่ เด็กที่เรียนเทคโนชำนินั้นโดนฟันได้รับบาดเจ็บ โดยที่น่าจะไล่กันมาจากทางเทศบาลก่อนที่จะมาถึงบริเวณดังกล่าวมาฟันกันตรงนี้จนบาดเจ็บ โดยที่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุมากันเกือบ 10 คน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมากัน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มากันคนละคัน