สังคม
'พอช.' จับมือ 'รฟท.' ถกเครือข่ายชาวบ้าน เร่งปลดล็อกสร้าง 'บ้านมั่นคง' ช่วยชุมชนริมรางทั่วประเทศ
โดย nut_p
2 ส.ค. 2567
34 views
2 หน่วยงานรัฐ 'พอช.-รฟท.' เดินหน้าร่วมลงพื้นที่ พร้อมกำหนดไทม์ไลน์ทำงานชัดเจน ชี้หลังลงพื้นที่ทำความเข้าใจ ชุมชนตื่นตัวร่วมสำรวจข้อมูล ส่งชื่อครัวเรือนขอเช่าที่ดินแล้ว 13,190 ครัวเรือน คาดภายในปี 67 สรุปรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบครบตามเป้าหมาย 27,084 ครัวเรือน หลังจาก มีการดำเนินงานโครงการระยะหนึ่ง พอช.อนุมัติงบ 130 ล้าน พัฒนาที่อยู่ให้ชุมชนริมรางแล้ว 1,006 ครัวเรือน
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นประธานในที่ประชุม คณะทำงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3/2567 โดยมี นายไชยา พลขาง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง พอช. ผู้แทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค ผู้แทนกลุ่มชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ (ชมฟ.) และคณะทำงานจากทุกภูมิภาค เข้าร่วมประชุม ที่สำนักงานใหญ่การรถไฟแห่งประเทศไทย
โดยนายอนันต์ กล่าวว่าขณะนี้รฟท.พยายามเร่งรัดการจัดให้ชุมชนได้เช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ก็จะนำเรียนทางบอร์ดของ รฟท. เพื่อให้การดำเนินการสัญญาเช่าที่ รฟท. ร่วมกับ พอช. ในการนำส่งรายชื่อจาก 300 ชุมชน ตามมติ ครม.ได้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดร่วมกันให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การเสนอการปรับปรุงสัญญาเช่า แผนงบประมาณ ที่ต้องดำเนินการ การพิจารณาพื้นที่ในการให้เช่าที่มีความเหมาะสมกับชุมชนในการพัฒนาโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง
นายอนันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รฟท. มีวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างชัดเจน ตนมีความมั่นใจว่าจะพัฒนางานทั้ง 2 ส่วนควบคู่กันไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากการดำเนินงานมีข้อติดขัด หรือมีการขยับงานไม่ได้ตามแผนงาน ทาง รฟท. ยินดีให้เจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ในการบูรณาการทำงานร่วมกัน ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานที่สอดคล้องกันในทุกภาคส่วน จึงให้กำหนดไทม์ไลน์ในการดำเนินงานที่ให้ชัดเจน อาทิ ระยะเวลาในการจัดส่งรายชื่อ 300 ชุมชน ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อยืนยันการแจ้งความประสงค์ของชุมชนที่จะขอเช่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยชุมชนริมรางจะได้วางแผนการเช่าให้กับชุมชนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นายไชยา ผู้แทน พอช. กล่าวว่า ในคราวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง ภายใต้โครงการ “บ้านมั่นคง” ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ดังนั้นเพื่อให้การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมาย โดยมีแผนครอบคลุมการดำเนินงานระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) มีเป้าหมายดำเนินการครอบคลุมครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ 35 จังหวัด300 ชุมชน 27,084 ครัวเรือน วงเงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลรวม 7,718.94 ล้านบาท นั้น ซึ่งที่ผ่านมา พอช. รฟท. เครือข่ายสัลม 4 ภาค และขบวนองค์กรชุมชน ได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจโครงการแก้ไขปัญหาชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง การจัดระเบียบ พัฒนาพื้นที่ชุมชนริมรางทั่วประเทศ 35 จังหวัด 300 ชุมชน 27,084 ครัวเรือน ทั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกรุงเทพฯปริมณฑลและตะวันออก ภาคกลางและตะวันตก
จากการลงพื้นที่สร้างความเข้าใจ ทำให้ชุมชนเกิดการตื่นตัว ร่วมกันสำรวจข้อมูลรายครัวเรือนผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อนำส่งรายชื่อชุมชนกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทยในการขอเช่าที่ดินแล้วจำนวน 13,190 ครัวเรือน และคาดว่าภายในปี 2567 นี้จะสามารถสรุปข้อมูลรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบจากระบบราง เพิ่มเติมอีก 13,894 ครัวเรือน จนครบตามเป้าหมายรวม 27,084 ครัวเรือน และปัจจุบัน พอช. ได้อนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้านมั่นคงชุมชนริมราง เพื่อสร้างความมั่นคงในที่ดินและที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการบ้านมั่นคง แล้วจำนวน 1,006 ครัวเรือน งบประมาณสนับสนุนรวม 130,489,824 บาท ซึ่งจากการประเมินแผนการขับเคลื่อนงานโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางคาดว่าในปี 2568 นี้ จะสามารถดำเนินการได้กว่า 2,000 ครัวเรือน
“สิ่งสำคัญที่จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงาน ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกัน ทั้งขบวนองค์กรชุมชน หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง สู่เป้าหมายที่ทำให้ทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วทุกครัวเรือน ภายใต้เป้าหมายการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางทั่วประเทศ” นายไชยากล่าวในตอนท้าย