สังคม
ลูกสาวร้อง พ่อถูกปลัดเมา ซิ่งเก๋งชนดับ เรียกเยียวยา 2 ล้าน ไม่จ่าย หวั่นใช้เส้นสายคดีไม่คืบ
โดย nut_p
21 ก.ค. 2567
679 views
ลูกสาวร้องขอความเป็นธรรม หลังพ่อถูกปลัดหนุ่มเมาแล้วขับ ซิ่งเก๋งพุ่งชนท้ายเสียชีวิต คดีผ่านมากว่าหนึ่งเดือน คู่กรณีไม่เคยเยียวยาความเสียหาย แถมยืนยันพร้อมเยียวยาแค่ 200,000 บาท ทั้งที่เรียก 2,200,000 บาท ยันเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมหน่วยงานต้นสังกัด พิจารณาจริยธรรมข้าราชการ
นางสาวรันดารินทร์ ยังประเสริฐ อายุ 27 ปี นำหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพวินาทีการเกิดอุบัติเหตุ ขณะที่ นายจินดา ยังประเสริฐ หรือ น้าแอ๊ด เต้าหู้ อายุ 62 ปี พ่อของตน กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างอยู่ในเลนซ้ายสุด เพื่อไปขายเต้าหู้ที่ตลาดสดช่วงเช้ามืดตามปกติ ก่อนจะมีรถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ขับขี่ตามมาด้วยความเร็วสูงจากทางด้านหลัง ก่อนที่กล้องวงจรปิดอีกตัว จะจับภาพ วินาทีที่รถยนต์เก๋งสีดำคันดังกล่าว พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์พ่วงข้างเข้าอย่างจัง จนรถพ่วงข้างพังยับเยิน ส่วนร่างของผู้ขับขี่กระเด็นไปตกอยู่ริมถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้านรถเก๋งคันก่อเหตุก็เสียหลักไปชนกับป้ายข้างทางจนพังเสียหาย หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ได้เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะและอวัยวะภายในอย่างรุนแรง ทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางสาวรันดารินทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุ และพ่อของตนเสียชีวิต ทางคู่กรณี ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลในภายหลังว่า มีตำแหน่ง เป็นข้าราชการระดับปลัด ของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกาญจนบุรี ไม่เคยเดินทางเข้ามาเยี่ยมเคารพศพ หรือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้ง หลังเสร็จสิ้นงานศพ ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้นัดหมายให้ตนและครอบครัวรวมถึงผู้ก่อเหตุมาเจรจาไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ เส้นทางผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นข้าราชการระดับปลัด ได้เสนอเงินเยียวยาให้กับตนและครอบครัวเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท แต่ตนเห็นว่า เงินจำนวนดังกล่าว ไม่เหมาะสมกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตน จึงได้เรียกเงินไปจำนวน 4 ล้านบาท หลังจากนั้น ทางผู้ก่อเหตุได้ขอเลื่อนนัดเจรจาไกล่เกลี่ย และนัดหมายเจรจากันอีกรวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง โดยมีการเจรจาต่อรองค่าเสียหาย จากเดิม 4 ล้านบาท โดยตนได้ยินยอมลดลงมาเหลือ 2,200,000 บาท แต่ทางคู่กรณียังคงยืนยันที่จะจ่ายให้กับครอบครัวของตนในจำนวนเงิน 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อเจรจาต่อรองกันไม่เป็นผล จึงได้ให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดำเนินการสรุปสำนวนส่งให้กับอัยการเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลต่อไป
แต่ตนเองและครอบครัว มีความกังวลใจ เกี่ยวกับเรื่องของการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ เนื่องจากในวันเกิดเหตุ มีพลเมืองดีที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้ข้อมูลกับตนว่า ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 05.50 น. ผู้ขับขี่รถคันก่อเหตุ มีลักษณะคล้ายคนเมาสุรา อีกทั้งเมื่อไปดูในรถคันก่อเหตุ ก็ปรากฏว่า มีขวดสุราเสียบอยู่ บริเวณ ใกล้กับช่องแอร์ ของที่นั่งฝั่งคนขับ อีกทั้งเมื่อตนเองได้สอบถามกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เกี่ยวกับการตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ก่อเหตุ ก็ได้รับข้อมูลว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่เนื่องจากจนถึงตอนนี้ ตนเองยังไม่เห็นสำนวนคดีที่ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะส่งให้กับทางอัยการ จึงเกิดความกังวลใจว่า อาจจะมีการใช้เส้นสาย เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี และอาจจะทำให้คดีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ ตนจึงตัดสินใจออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม จากสื่อมวลชน และจะเดินหน้ายื่นเรื่องร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้ก่อเหตุด้วย
พร้อมกันนี้ ยังอยากฝากไปถึงผู้ก่อเหตุ ให้ออกมารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตน และทำตัวให้สมกับเป็นข้าราชการซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชน