สังคม

เครือข่ายงดเหล้ากังวล การรถไฟขอผ่อนปรนขายเหล้าวันพระใหญ่ หวั่นซ้ำรอยคดีสะเทือนขวัญ

โดย nicharee_m

5 ก.ค. 2567

460 views

เครือข่ายงดเหล้าฯ กังวล ให้ขายน้ำเมาในสถานีรถไฟ หลังรัฐไฟเขียวขายในสนามบิน ยกเคสเด็กหญิงถูกชำเราโยนออกจากขบวน เชื่อเป็นการเปิดช่องให้นายทุนทำเงิน

ตามที่คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เห็นชอบให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขาย ณ ท่าอากาศยานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ให้ปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 คือ วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ให้สามารถจำหน่ายได้ ในอาคารอากาศยานนานาชาติ เพื่อให้เกิดการใช้จ่าย สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ ขณะที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขอพิจารณาแนวทางการขอยกเว้นสถานที่ หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบริเวณสถานีรถไฟ หรือในขบวนรถที่อยู่บนทางรถไฟ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้นได้ให้

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า แม้การอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน “5 วันพระใหญ่” โดยโฟกัสที่สนามบินนานาชาตินั้น หากพิจาณาจะเห็นว่า เป็นการทำตามนโยบายแรกเริ่มของรัฐบาลที่เน้นเรื่องทุนเป็นหลัก เห็นได้จากข้อเสนอของรัฐบาล 8 ข้อควบคู่การปรับแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เข้าสู่สภา ตั้งแต่อยากให้ผ่อนคลายนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขยายเวลาเปิดผับถึงตี 4 ซึ่งตั้งแต่ครั้งนั้นทางเครือข่ายฯไม่เคยเห็นด้วย เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุ และเสียชีวิต ชัดเจนจากผลการศึกษาของ นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ประธานคณะทำงานวิชาการ ภายใต้อนุกรรมการวิชาการ คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าการขยายเวลาเปิดผับบาร์ส่งผลกระทบอุบัติเหตุ เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

“จากผลกระทบที่ผ่านมา ล่าสุดรัฐบาลยังยกเลิกห้ามขายเหล้าในวันพระใหญ่ ซึ่งมีเพียง 5 วัน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ นโยบายรัฐบาลชัดเจน เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นนโยบายที่เอื้อให้นักท่องเที่ยวดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยง่าย และเป็นการอำนวยความสะดวก เพราะเห็นว่าต่างประเทศทำ ทั้งที่ความจริง บางประเทศก็มีการห้าม อย่างสวีเดน ก็ห้ามขายวันอาทิตย์” นายธีระกล่าว

นายธีระ กล่าวอีกว่า ประเด็นการกำหนดห้ามขายวันพระใหญ่ ไม่ใช่เกี่ยวกับศาสนา แต่เป็นเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ โดยให้หยุดกินเหล้าแค่ 5 วัน ซึ่งเข้าใจว่า ตอนนี้เปิดเพียงสนามบินนานาชาติ แต่ที่กังวลคือ จะมีการขยายพื้นที่อื่นหรือไม่ เห็นได้จากการรถไฟยังเสนอขอผ่อนปรนด้วย ซึ่งไม่ควรมีข้อเสนอเหล่านี้ออกมาจากทางการรถไฟเลย ปัญหาที่เกิดขึ้นควรต้องมองผลกระทบ

อย่างข้อมูลขณะนี้พบว่า 1.8 ล้านคน ต้องได้รับการบำบัดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งอุบัติเหตุ และป่วยกว่า 2 หมื่นคนต่อปี อีกทั้งยังเป็นภาระค่าใช้จ่ายสุขภาพ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทำงานเพิ่มขึ้น ประเด็นคือ อย่ามองแอลกอฮอล์เป็นสินค้าธรรมดา

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่จากสนามบิน จะไปที่อื่นๆ นายธีระกล่าวว่า กังวลแน่นอน เห็นได้จากการรถไฟยังเสนอขอยกเว้นให้จำหน่ายได้ ต้องถามกลับไปว่า ลืมแล้วหรือไม่ ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์สลดทั้งประเทศ ที่คนเมาก่อเหตุล่วงละเมิดเด็กหญิงและโยนออกจากรถไฟจนเสียชีวิต จนนำมาสู่มาตรการควบคุมต่างๆ เรื่องแบบนี้การรถไฟควรเสนอให้ผ่อนปรนอีกหรือ

ด้าน นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) กล่าวว่า ที่ต้องระวังคือ กรณีข้อเสนอของการรถไฟ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทางเครือข่ายทั้งหมดไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง มีความกล้าได้อย่างไรที่จะให้ดื่มเหล้าเบียร์ในรถไฟได้ และมาอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งๆ ที่ผ่านมามีกรณีเหตุการณ์เศร้าใจที่เด็กหญิงถูกคนเมาล่วงละเมิดและทำให้เสียชีวิต

“เร็วๆ นี้ทางเครือข่ายจะมีการรวบรวมข้อมูลผู้ใช้บริการรถไฟ ถึงมาตรการที่การรถไฟเสนอขอผ่อนปรนขายเหล้าเบียร์ว่า คิดเห็นอย่างไร เราจะเอาข้อมูลมายัน แม้พวกคุณจะบอกว่ามีข้อมูลป้องกัน แต่ถามว่าจากอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่การขยายเวลาเปิดผับบาร์ มาตรการป้องกันต่างๆ ทำได้จริงกี่เปอร์เซ็นต์ อันนี้คือของจริง ที่ขอความร่วมมือทำไม่ได้จริงเลย มีแต่อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 100 กว่าเปอร์เซ็นต์ มีคนเจ็บคนตาย นี่คือสิ่งที่ต้องทบทวน ไม่ใช่มาเสนอขอผ่อนปรนขายเหล้าเบียร์เพิ่มอีก

ถ้าทำแบบนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า เป็นการรุกคืบขยายโอกาสให้นายทุนหรือไม่ เพราะถ้าอนุญาตให้การรถไฟจำหน่ายเหล้าเบียร์ได้ ถึงที่สุดจะมีคนเข้าไปขอสัมปทาน แบบนี้ชัดเจน ขอให้รู้สึกอายกันบ้าง ไม่ควรมีข้อเสนอแบบนี้ ทางเครือข่ายฯจะนำข้อมูลและจะไปหาไปทวงถามกระทรวงคมนาคม และการรถไฟอย่างแน่นอน” นายชูวิทย์กล่าว


คุณอาจสนใจ