สังคม

สาววัย 37 ร้องมูลนิธิรณรงค์ฯ หลังท่อนไม้ใหญ่ริมถนนกทม. ตกใส่หัวเย็บ 40 เข็มไร้การช่วยเหลือ

โดย parichat_p

6 มิ.ย. 2567

73 views

สาววัย 37 ปี ดวงซวย ท่อนไม้ใหญ่ริมถนนในกทม. ตกใส่หัวแตกเข้าโรงพยาบาลเย็บ 40 เข็ม พอร้องเรียนไปที่เขตเรื่องเงียบหายกว่า 1 ปี ไร้การช่วยเหลือ



วันนี้ (6 มิ.ย. 67) ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.จตุพร อายุ 36 ปี นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนกับ นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามคดี หลังจากถูกกิ่งต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกอยู่ริมถนนบริเวณ แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กทม. หักร่วงตกใส่ศรีษะจนต้องเย็บแผล 40 เข็ม และต้องพักรักษาตัวอีกกว่า 1 สัปดาห์


จากที่เคยทำงานในโรงงานได้ก็ไม่สามารถทำงานได้เพราะจะมีอาการปวดศรีษะมึนหัวอยู่บ่อยครั้ง จนต้องลาออกจากงานมีสามีที่หาเลี้ยงดูแล พอไปติดต่อขอให้ทางสำนักงานเขตบางนา เจ้าของพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือเยี่ยวยาเรื่องที่เกิดขึ้นก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอดจึงตัดสินใจมาร้องเรียนให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือในเรื่องคดีความ



น.ส.จตุพร กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2566 เวลา 17.20 น.หลังจากตนกับสามีเลิกงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ตนได้นั่งซ้อนรถจยย.ของสามีเพื่อกลับบ้านตามปกติ โดยตั้งใจว่าจะแวะซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณ ถ.ลาซาล เขตบางนา กทม. ขณะที่สามีขับรถจยย.ชิดริมถนนใกล้ฟุตบาทอยู่นั้น



ก็มีกิ่งไม้ขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากต้นตกใส่ศรีษะตนอย่างแรง จนเกือบจะตกรถพอเอามือจับที่ศรีษะดูพบว่ามีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก สามีจึงรีบพาตนไปส่งรพ.แพทย์ต้องรีบเย็บแผลที่แตกจำนวน 40 เข็ม และให้นอนพักรักษาตัวเพื่อเอ๊กซ์เรย์สมองว่ามีอาการข้างเคียงหรือไม่ โดยมีค่ารักษาพยาบาลกว่า 40,000 บาท



ซึ่งหลังจากออกจากโรงพยาบาลได้เข้าไปติดต่อกับทางสำนักงานเขตบางนาเจ้าของพื้นที่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พบเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดบอกกับตนว่าจะจ่ายเงินค่าทำขวัญให้จำนวน 5,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่าตนต้องจบเรื่องทั้งหมดไม่มีการแจ้งความหรือเรียกร้องสิ่งใดอีก ตนมองว่ามันไม่คุ้มกับเหตุการณ์ที่เจอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่ารักษา เงินชดเชยช่วงที่ไม่ได้ทำงานเพราะต้องออกมาพักรักษาตัว


หลังแผลหายดีแล้วก็ยังคงมีอาการปวดหัวโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่บ่อยครั้งจนไม่สามารถทำงานประจำได้ ต้องลาออกจากงาน ตนจึงปฎิเสธไม่รับเงินจำนวนดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงบอกว่าหากตนทำเรื่องเขียนคำร้องเข้ามาเงินเยียวยาต่างๆอาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งตนก็รับได้และคิดว่าจะได้รับภายในปีนั้น แต่ ณตอนนี้เวลาผ่านมาแล้วเป็นเวลากว่าหนึ่งปีตนยังไม่ได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานดังกล่าว



โดยหลังจากนั้นตนได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าที่หน่วยงานดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการบอกว่าไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าในช่วงก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง ได้มีรถบรรทุกคันใหญ่ขับเข้ามาเฉี่ยวชนต้นไม้ดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้ตัวกิ่งของต้นไม้นั้นเกิดความเสียหายและหักลงมาตกใส่ศีรษะของตนในเวลาต่อ จึงเป็นเหตุสุดวิสัยและไม่ใช่ความผิดของทางหน่วยงาน อีกทั้งทางหน่วยงานยังได้มีการชี้แจงว่าไม่สามารถติดตามจับผู้ขับรถบรรทุกรายดังกล่าวได้เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏภาพรถคันดังกล่าวไม่มีการติดแผ่นป้ายทะเบียน


น.ส.จตุพร กล่าวอีกว่า หากวันเกิดเหตุผู้ประสบเหตุไม่ใช่ตนแต่เป็นเด็กหรือเป็นผู้สูงอายุอาจจะส่งผลที่เลวร้ายมากกว่านี้หรือไม่จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบดูแลและรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด



ด้านรองประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ผ่านมากว่า 1 ปี ที่ผู้เสียหายรอการช่วยเหลือเยี่ยวยาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงจากเจ้าหน้าที่มาตลอด จนต้องมาร้องเรียนให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งเรื่องนี้ทางกทม.จะปัดความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้ หากเรื่องเกิดจากมีรถมาเฉี่ยวชนต้นไม้จริงก็ต้องนำภาพวงจรปิดดังกล่าวมาเปิดเผยให้ผู้เสียหายดู ไม่ใช่จะเอาเหตุผลแค่นี้มาปัดความรับผิดชอบ เคสแบบนี้เคยเกิดมาแล้วและศาลปกครองสูงสุดเคยมีคำสั่งให้ กรุงเทพมหานครต้องเยียวยาผู้เสียหาย และในวันพรุ่งนี้จะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนกับนายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ที่ศาลาว่าการต่อไป

คุณอาจสนใจ