สังคม
ผู้หมวดเมากร่าง! ชักปืนขู่เด็กชาย 13 คิดว่าจอดรถขวางทาง
โดย chawalwit_m
20 เม.ย. 2567
380 views
วันนี้ (20 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟสบุ๊คท่านหนึ่งผู้เป็นแม่ของด.ช.คนหนึ่งอยู่ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ได้โพสต์ข้อความและคลิปในโซเซียลว่า ตลาดสดอำเภอบ้านดุง พกพาปืนเข้ามาในที่สาธารณะ ข่มขู่ และทำร้ายกายเด็กอายุ13ปี (ลูกชายของเราเอง) จิตใจคุณทำด้วยอะไร เด็กไปส่งของเข้าตลาด แต่คุณเมาเหล้า ขับรถเข้ามาในตลาด แล้วมาขู่ยิง โชว์อาวุธปืน และทำร้ายร่างกายเด็กแบบนี้ ทางเราได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว สืบทราบว่า เป็นตำรวจยศผู้หมวด สภ.เมืองบ้านดุง ขอความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนด้วยนะคะ ตำรวจทำร้ายประชาชน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.30 น.ของคืนวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยในคลิปจะเห็นผู้ชายถอดเสื้อถือปืนในมือซ้าย ขับรถกระบะสีดำมาจอดถนนในตลาดสด ร้องตะโกนโวยวายบอกว่า อย่าเข้ามาๆ ไม่งั้นจะยิงนะ หนีไป กูมีปืน และร้องว่าบอกว่า กูบอกพวกมึงแล้วนะ โดยชายคนดังกล่าวมีอาการมึนเมา ขณะที่มีชาวบ้านในตลาดเป็นชาย 2 คนที่เดินเข้าไปหาตำรวจโดยไม่กลัวแม้กระทั่งอาวุธปืน แต่ไม่พอใจที่ตำรวจคนดังกล่าวขู่จะยิงเด็กชายวัย 13 ปีจนเด็กร้องไห้ ท่ามกลางชาวบ้านที่มาตลาดสดช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านพากันผวาไปตามๆ กัน กลัวปืนลั่นโป้งป้าง จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ขึ้นรถกระบะออกจากตลาดสดไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่เกิดเหตุบริเวณถนนสว่างเมือง หน้าตลาดสดเทศบาล 1 เทศบาลเมืองบ้านดุง พบกับด.ช.อัสนี ชนะบุญ หรือน้องอิคคิว อายุ 13 ปี นักกีฬาแบตมินตันของโรงเรียนที่อ.บ้านดุง เล่าเหตุการณ์ให้นักข่าวฟังว่า เมื่อคืนนี้ประมาณตีสองกว่า ผมมาช่วยตาและยายขายเนื้อวัวสดในตลาด
ช่วงเวลานั้นกำลังขนเนื้อลงจากรถเพื่อเอาเข้าไปขายในตลาด ช่วงก่อนเกิดเหตุรถกระบะของน้าเป้มาจอดหน้าตลาด ผมก็เอารถเข็นไปจะขนเนื้อลงตลาด ปรากฏว่าจังหวะนั้นเองมีผู้ชายขับรถกระบะสีดำมาตรงด้านหน้ารถกระบะของน้าชาย พี่มองว่ารถของน้าเป้มาจอดขวางทางรถ
จากนั้นเขาก็เดินลงมาจากรถ ถอดเสื้อมาโวยวายว่ารถจอดขวางรถเขา จากนั้นเขาก็ชี้หน้าผม คงคิดว่าผมคงเป็นเจ้าของรถ ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ใช่ เขาก็โวยวายบอกว่า มีสมองขับรถหรือเปล่า ดูท่าจะเมาจากนั้นก็เดินไปปล่อยลมรถของน้าเป้ ผมก็เดินไปบอกเขาว่า อย่าทำนะพี่ จากนั้นเขาโมโหก็ชักปืนออกมาสไลด์ขึ้นลำปืนจะยิงผม
ผมก็ตกใจจนหน้าซีดไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งหน้าซีดและขาสั่นเลยครับ ยอมรับตอนนั้นร้องไห้เลยครับ ผมเกิดไม่เคยเจอ ก็อยากให้มาพูดคุยกับตายายและแม่เพราะท่านไม่ยอม ไม่ใช่จะเมาแล้วมาขู่ชาวบ้านกลางตลาดสดแบบนี้ ผมแค่มาทำงานช่วยตาและยายหาเงินช่วงปิดเทอม แต่ผมไม่คิดว่าจะมีตำรวจชักปืนมาขู่ผมแบบนี้ ผมไม่กล้ามีเรื่องกับตำรวจ ผมกลัวครับ อยากให้เขาออกมาขอโทษตาและยายและแม่ เพราะเรื่องนี้แม่ผมไม่ยอม
ขณะที่ยายและน้าของน้องอิคคิว บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าตำรวจทำไม่ถูกต้อง ทั้งๆ ที่เป็นตลาดสดคนเห็นเยอะมาก เป็นตำรวจมาชักปืนขู่จะยิงเด็ก พอชาวบ้านจะไปห้ามก็จะยิงชาวบ้านท้าอย่าเข้ามา อย่าเข้ามา ไม่งั้นจะยิง ตามคลิปที่ชาวบ้านถ่ายเอาไว้เลย ส่วนน้องอิคคิวเขายังเป็นเด็กมาทำแบบนี้เด็กก็กลัวจนร้องไห้ สงสารน้องมาก น้องมาหารายได้พิเศษต้องปิดเทอมและอยากมาช่วยตาและยายขายของในตลาดสด แต่ต้องมาเจอตำรวจชักปืนขู่จะยิงแบบนี้ อยากให้ผู้บังคับบัญชาให้ความเป็นธรรมของประชาชนด้วย
นายโอ้ด อายุ 48 ปี พ่อค้าขายหมูในตลาดคนเหตุการณ์และเดินเข้าไปห้ามตร.ที่ถอดเสื้อและชักปืนมาขู่เด็ก บอกว่า ผมขายหมูอยู่หน้าตลาดพอดี เห็นชายคนนี้มาทราบทีหลังว่าเป็นตำรวจ สภ.บ้านดุง เอาปืนมาขู่เด็กแบบนี้ผมว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง เมาอีกด้วย ผมและเพื่อนอีกคนก็เดินพยายามผลักให้ตำรวจคนนี้ออกไป แต่เขาก็โวยวายว่า อย่าเข้ามานะๆ ไม่งั้นจะยิง ดูท่าน่าจะเมาหนัก ผมก็ไม่ยอม หากเขายิงๆ พร้อมจะสู้เพื่อน้องอิคคิวแน่นอน อยากให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นตำรวจแล้วมาขู่เด็กชายวัย 13 แบบนี้ไม่ถูกต้อง เมาแล้วกร่าง ไม่ใช่ตัวเองมีปืนแล้วจะทำแบบนี้ ที่ผ่านมาผู้หมวดคนนี้เคยแทงเจ้าของร้านทองที่เป็นเพื่อนกันบาดเจ็บมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อนและเคยใช้ปืนยิงชาวบ้านมาแล้วเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
ทางด้าน พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.บ้านดุง เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนเองทราบเรื่องแล้ว ทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ หมวดแป้งหรือหมวดติ๊ด ร.ต.ท.ไพโรจน์ สัจจธรรม รองสวป.ทำหน้าตำรวจประจำตำบล คร่าวๆ ทราบว่า ผุ้หมวดคนนี้ขับรถเข้าไปซื้อหมูปิ้งให้ลูก อาจจะเจอรถจอดขวางทำให้โมโห ประกอบกับอาจจะดื่มแล้วเมา ก็เลยโวยวาย ทั้งนี้ทราบว่าผู้หมวดเพิ่งเลิกภรรยา อาจจะเครียดที่ภรรยาเลิกไปแล้วต้องเลี้ยงลูกตามลำพังและเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวด้วย ทั้งนี้ตนเองจะได้ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แน่นอน และจะได้เรียกคู่กรณีมาพูดคุยด้วย เบื้องต้นทราบว่าผู้ปกครองของน้องได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว และพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายหากผิดจริงดำเนินการทางวินัยแน่นอน