สังคม

รองอธิบดีอัยการฯ คาดสรุปสำนวนคดี ‘เป้รักผู้การ’ เร็วกว่ากำหนด ยันให้ความเป็นธรรมรับฟังทั้ง 2 ฝ่าย

โดย nicharee_m

17 ก.พ. 2567

80 views

เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2567 พลตำรวจตรีกัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เดินทางเข้ารับทราบข้อหาเพิ่มเติม กับคณะพนักงานสอบสวนในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ และความผิดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีรีดทรัพย์เจ้าของเว็บพนัน 140 ล้านบาท หรือ คดี เป้รักผู้การ หลังได้มีการขอเลื่อนมาจากเมื่อวันที่ 12 - 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนขณะลงมาจากห้องประชุมเพื่อ ร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วยตัวเอง ว่า จากก่อนหน้านี้ที่มีการนัดหมายกันในวันที่ 12 ถึง 13 กุมภาพันธ์ มีผู้ต้องหาที่ยังไม่เข้ารับทราบข้อหาอีก 4 คน โดยในจำนวนนี้มี 3 คนเลื่อนมาเป็นวันนี้ คือพลตำรวจตรีกัมพล หรือ อดีตผู้การชลบุรี ซึ่งตอนนี้เดินทางมาถึงแล้ว กับนาย บอย พัทยา และลูกน้องนายบอยอีก 1 คน ซึ่งได้นัดหมายไว้เวลาประมาณ 14 นาฬิกา โดยหากภายใน 16 นาฬิกา ใครที่ยังไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินการออกหมายจับ

ส่วนที่ตัวนายบอย พัทยา ก่อนหน้านี้มีการขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ไปเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทางคณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการยืดระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป จึงไม่อนุญาตให้มีการเลื่อนกำหนดนัด แต่ให้เลื่อนมาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันเดียวกันกับอดีตผู้การชลบุรีคือในวันนี้แทน

ด้านนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้คณะทำงานทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการ จะประชุมใหญ่สรุปการแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทุกคน และประชุมแนวทางการสรุปสำนวน ว่าคณะทำงานเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารายใดบ้าง หรือไม่ฟ้องอย่างไร และจะสรุปสำนวนแล้วเสร็จเมื่อไหร่อย่างไร โดยคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้เร็วกว่ากำหนดการเดิม 60 วันที่คาดการณ์ไว้ตอนแรก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีผู้ต้องหาบางส่วนยื่นร้องขอความเป็นธรรมมา จะพิจารณาอย่างไร นายวัชรินทร์ ระบุว่า คณะทำงานชุดนี้ ซึ่งมีพลตำรวจโทอัคราเดช เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ร่วมกับคณะทำงานของอัยการ ถือเป็นคณะทำงานที่ให้ความเป็นธรรมเต็มที่กับทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ไม่ได้รับฟังพยานหลักฐานแต่เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นผู้ต้องหาสามารถยื่นพยานหลักฐานเข้ามาได้ทั้งหมด หากเป็นพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อคดี

แต่หากเป็นการยื่นขอความเป็นธรรมในประเด็นเดิม หรือไม่มีประเด็นสำคัญ เช่นการอ้างว่าผู้ต้องหาคดีนี้เป็นข้าราชการ ดังนั้นคณะทำงานชุดนี้ไม่มีอำนาจการสอบสวน แต่เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. แต่จริงๆ แล้ว แม้จะมีความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน แต่หากมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ พนักงานสอบสวนก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ เพียงแต่ต้องแจ้งให้ ป.ป.ช. ทราบ ดังนั้นประเด็นลักษณะนี้เป็นการตีความข้อกฎหมายที่คณะทำงานพิจารณาได้ จึงไม่มีประเด็นให้ต้องสอบสวนเพิ่ม

แต่หากอ้างพยานหลักฐานอื่น เอกสารอื่นเข้ามา คณะทำงานยินดีที่จะรับฟัง ยกตัวอย่าง เช่น กรณีตำรวจไซเบอร์ 2 นายที่ตกเป็นผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานจากคดีนี้ แต่ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพราะทั้ง 2 นายไม่ได้เดินทางไปที่จังหวัดชลบุรี คณะทำงานก็ได้ออกหมายเรียกไปเพราะมีความจำเป็นต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในบางประเด็นให้ครบถ้วน ตำรวจไซเบอร์ทั้ง 2 นายก็มาให้การตามนัด ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและยื่นพยานเอกสารเพิ่มเติมให้คณะทำงานด้วย ซึ่งคณะทำงานก็รับไว้พิจารณา

คุณอาจสนใจ