สังคม

โชเฟอร์แท็กซี่ไม่เชื่อ คู่กรณีป่วยจิต ชี้พฤติกรรมชัดชนแล้วหนี ลั่นทำผิดต้องรับผิดชอบ

โดย panisa_p

15 ม.ค. 2567

289 views

วันที่ 15 ม.ค. 2567 ที่ สน.ห้วยขวาง นายชาญยุทธ อายุ 58 ปี คนขับรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ผู้เสียหาย กรณีรถเก๋งชนรถแท็กซี่อย่างอุกอาจกลางถนนรัชดาภิเษกเมื่อคืน เดินทางมาให้ปากคำที่ สน.ห้วยขวาง โดยให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเกิดเหตุคู่กรณีของตนได้เข้าไปชนรถตนที่หน้าโลตัสพระราม 9 ตนจึงขับรถตามไป ก็เห็นคู่กรณีขับรถเบียดกับแท็กซี่อีกคันที่หน้าไทยประกันชีวิต


โดยข้างหน้าเป็นสี่แยกไฟแดง มีรถหนาแน่นตรงแยกเดอะสตรีท จึงขับรถผ่านเลนซ้ายสุดไปปาดหน้า เพื่อหยุดเขาให้ได้ พอไปปาดหน้าได้ ตนคิดว่าเขาจะหยุด แต่กลับไม่หยุด มีการถอยรถและชนเขาที่รถของตนทางด้านซ้าย 3 ครั้ง แล้วก็ยังมีการชนครั้งที่ 4-5 จากนั้นคู่กรณีได้ขับรถไปทางอุโมงค์ห้วยขวาง ตนจึงขับรถไปแจ้งความ นายชาญยุทธ ยืนยันว่า ก่อนหน้าที่จะมีการชนกัน ไม่ได้มีการขับรถปาดกันไปมาก็อย่างใด ตอนที่ไล่เขาตนก็บีบแตรตลอดเวลา


"เขามีอาการอะไรผมไม่สามารถมองทะลุได้ แต่เขาขับรถด้วยความเร็วสูงมาก ผมก็พยายามบีบแตรเพื่อที่จะไล่ไป และขอความช่วยเหลือคนอื่น แต่ไม่มีใครที่จะบล็อกเขาได้ เพราะเขาขับรถเร็วมาก" นายชาญยุทธ กล่าว


เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ นายชาญยุทธ ตอบทันทีว่ากลัว แต่เป็นเพราะสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ก็ไม่อาจทราบได้ ตอนนั้นคิดว่าต้องบล็อกให้อยู่ พร้อมยืนยันว่าไม่มีการเปิดกระจกพูดคุยกันระหว่างเกิดเหตุ ตอนที่ตนมองเข้าไปในกระจกก็มองไม่ทะลุ เพราะเขาติดฟิล์มทึบมาก


เมื่อถามว่าแม่ของคู่กรณี ระบุว่าคนที่ชนมีอาการป่วยจิต นายชาญยุทธ กล่าวว่า พอเห็นเป็นข่าวก็จะพูดแบบนี้ทุกกรณี แต่คู่กรณีของตนอายุไม่ใช่น้อย ตนเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ลำพังแค่เฉี่ยวชนไม่น่าจะทำแบบนี้ อาจจะมีการเสพยาเสพติด ของมึนเมามากกว่า และคิดว่าต้องเอาตัวรอดให้ได้ พร้อมย้ำว่า ตนก็เคยเจอคนหัวร้อน แต่ปกติไม่ปะทะด้วย


นายชาญยุทธ ย้ำว่า การขับแท็กซี่เป็นอาชีพที่สุจริตของตน ตนขับรถมา 30 ปี ไม่เคยมีปัญหาไม่ดี ไม่เคยทะเลาะวิวาทแบบนี้ ส่วนประเมินว่าความเสียหายเท่าไหร่นั้น ตนคิดว่าน่าจะซ่อมแล้วเกิน 200,000 บาท ยอมรับว่าอยากได้คันใหม่ถ้าเป็นไปได้ขอให้ผู้ปกครองเขารับผิดชอบในส่วนนี้ เพราะรถของตนต้องใช้ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว


เมื่อถามว่าถ้าเจอผู้ปกครองของอีกฝ่ายจะกล่าวว่าอย่างไร นายชาญยุทธ ระบุว่า เขาควรจะดูแลลูกให้ดีกว่านี้และมีความรับผิดชอบกว่านี้ อย่าอ้างว่าลูกไม่ปกติ ถ้าไม่ปกติควรเอาไปรักษาหรือบำบัด ไม่ใช่ให้มาอยู่บนถนนแบบนี้มันอันตราย

คุณอาจสนใจ