แม่ปวดใจ ฝากลูกไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็ก ถูกพี่เลี้ยงตบตี ทำร้ายร่างกาย ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ภาพคลิปวิดีโอ ที่มีผู้หวังดีได้แอบบันทึกเอาไว้ได้ ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ใช้มือตบและตีเด็กผู้ชาย พร้อมกับพูดกับเพื่อนพี่เลี้ยงด้วยกัน จนทำให้เด็กร้องไห้ ไม่ได้กินข้าวต่อ เพราะตกใจ เรื่องดังกล่าวได้รับการร้องเรียนมาจากคุณแม่ของเด็กผู้ชายภายในคลิป ว่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับเด็ก และหลังจากที่เห็นคลิปแล้ว คุณแม่แทบใจสลาย ซึ่งก่อนหน้านี้คุณแม่เคยร้องเรียนไปที่ มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี และได้รับประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมทั้งไปแจ้งความไว้แล้ว ที่ สภ.แม่ปิง อำเภอเมือง เชียงใหม่

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยวันที่โดนกระทำ ลูกชายมีอายุเพียง 1 ขวบ 11 เดือน ซึ่งคุณแม่ได้ฝากสถานที่รับเลี้ยงเด็กตั้งแต่ต้นปี 2566 ก่อนจะพาลูกไปฝาก ได้มีการศึกษาหาข้อมูลจนมั่นใจว่ามีความปลอดภัยระดับหนึ่ง จึงตัดสินใจนำลูกไปฝาก แต่พอผ่านไปสักพัก ลูกกลับมาที่บ้าน เริ่มกลายเป็นเด็กไม่ค่อยพูด ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม รวมถึงมีอาการหวาดกลัวเวลาที่ไปส่งที่สถานที่แห่งนี้ จะร้องไห้ไม่อยากลงรถ

ก่อนหน้านี้เคยพบแผลฟกช้ำบนตัวลูกชาย หลังจากกลับมาจากสถานรับเลี้ยงเด็ก จึงได้สอบถามไปที่สถานรับเลี้ยงเด็ก แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบว่าเกิดจากอะไร จนมีผู้หวังดีส่งคลิปดังกล่าวมาให้ดู จึงรู้ว่าเวลาที่เอาลูกไปฝาก ลูกถูกกระทำแบบนี้ตลอด จากนั้นได้มีการตรวจสอบตามตัวลูกชายเพิ่มเติม พบมีรอยฟกช้ำ ที่เหมือนถูกตีหรือถูกกระทำรุนแรงตามตัว โดยเฉพาะในที่มองเห็นได้ยากอย่าง ต้นขาและก็ด้านหลัง โดยจากการสอบถามผู้หวังดี พบว่ามีเด็กคนอื่นๆ ถูกกระทำในลักษณะเดียวกันด้วย

ขณะนี้ได้แจ้งความไปแล้ว และทางตำรวจได้ดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการเพื่อทำการสั่งฟ้องต่อไป เบื้องต้นคุณแม่ประสงค์ดำเนินคดีกับตัวพี่เลี้ยงให้ได้รับโทษหนักที่สุด และดำเนินคดีกับสถานรับเลี้ยงเด็กด้วย ในฐานที่ปล่อยปะละเลย ไม่ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว อยากให้เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมาย เป็นตัวอย่างให้กับสังคม 

ด้าน พ.ต.อ.ญาณพล พัฒนชัย ผู้กำกับการสภ.แม่ปิง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนคดีนี้ ทำงานให้ดีที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกตัวพี่เลี้ยงและเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กมาสอบปากคำเพิ่ม ส่วนครอบครัวของเด็กอยู่ระหว่างการประสานสหวิชาชีพเข้ามาร่วมสอบปากคำ ถ้าพยานหลักฐานครบถ้วนและเพียงพอ จะมีการส่งต่อให้อัยการมีการสั่งฟ้องทั้งตัวพี่เลี้ยงและสถานรับเลี้ยงเด็กต่อไป