ชาวริมน้ำเจ้าพระยาเดือดร้อน วอนเรือโดยสารลดความเร็ว หลังทำคลื่นซัดจนบ้านทรุด

ชาวบ้านริมน้ำเจ้าพระยาเดือดร้อน วอนเรือโดยสารลดความเร็ว หลังน้ำเหนือไหลผ่านเข้าท่วมบ้าน ซ้ำเรือโดยสารแล่นเร็วทำคลื่นซัดจนบ้านทรุด



เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 ต.ค.66 จากกรณีมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่น้ำเหนือไหลผ่านทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้นทำให้ประชาชนที่พักอาศัยริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับผลกระทบ น้ำเข้าท่วมบ้าน เรือโดยสารทางน้ำวิ่งเร็วทำให้เป็นลูกคลื่นชัดเข้าบ้านจนบ้านบางหลังทรุดตัว



ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ซ.แสงเทียน ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี พบนางชนัดดา อายุ 82 ปี เล่าว่า เวลาที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาน้ำจะไหลเข้าท่วมในตัวบ้าน และสิ่งที่ได้รับผลกระทบไปมากกว่านั้น คือเรือโดยสารวิ่งเร็ว ทำให้น้ำเป็นลูกคลื่นซัดเข้ามาริมฝั่ง กระทบกับตัวบ้านพังได้รับความเสียหาย อยากขอให้วิ่งเรือให้ช้าลง ส่วนบ้านน้องสาวของตน ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นน้ำเข้าท่วมชั้นล่างพื้นบ้านเป็นกระเบื้องทรุดตัวเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งทำให้เจ้าของบ้านกลัวเกรงบ้านจะทรุดตัวมากกว่านี้



ทางด้านนายอำนาจ สอนหมวก ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสาขานนทบุรี กล่าวว่า ตอนนี้ที่ติดตามสถานะการณ์น้ำอยู่ที่ 1,600 ลูกบากศ์เมตร ก็อยู่ในการทรงตัวไม่ถึงกับต้องเตรียมอพยพ เพียงแต่ว่าให้ระวังเพื่อที่จะรองรับน้ำเหนือที่จะไหลมา เพราะฉะนั้นทางกรมเจ้าท่าก็ได้มีหนังสือประชาสัมพันธ์ให้ทางผู้ประกอบการและประชาชนให้ระวังให้รับทราบว่า ขณะนี้มีน้ำเหนือที่จะไหลผ่านมา ให้ประชาชนคอยเฝ้าฟังสถานการณ์น้ำอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้เก็บของขึ้นที่สูง เพราะว่าเราไม่แน่ใจว่าน้ำจะมาตอนไหน อาจจะมาเร็วกว่านี้ ก็อยากให้คอยรับฟังข้อมูลไว้



ส่วนในเรื่องของเรือ เราได้ทำการส่งหนังสือแจ้งเตือนเรือที่เดินทางสัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ จ.นนทบุรี ให้เลี่ยงการเดินเรือเร็วให้ลดความเร็วลง ให้เดินเรือช้าและเบา เพื่อลดความอันตรายของคลื่นที่จะไปกระทบฝั่ง ทำให้บ้านประชาชนเสียหาย ก็ฝากทางผู้ประกอบการเรือและประชาชนที่ใช้สัญจรทางน้ำ ให้ฟังข่าวและฟังกรมอุตุนิยมวิทยาว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องหรือไม่



ทั้งนี้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดเหตุอุทกภัยน้ำท่วมได้ ซึ่งตอนนี้สถานการณ์น้ำยังปกติ ไม่มีปัญหาอะไรน้ำเหนือยังปล่อยมาน้อย ยังรับมือได้ ตอนนี้ถ้าน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนเจ้าพระยาจะเดินทางมาถึงอยุธยาประมาน 3 วัน ถ้ามาถึง จ.นนทบุรี ก็ประมาน 5 วัน เพราะฉะนั้นถ้าเราดูสถานะการณ์น้ำเหนือ ก็ควรจะติดตามสถานการณ์น้ำจากภาคเหนือหรือทางเขื่อนเจ้าพระยาว่าเขาจะปล่อยน้ำมาเท่าไหร่ ถ้าปล่อยมา 1,600 ลูกบากศ์เมตรยังรับได้อยู่ แต่ถ้าปล่อยมา 2,000 - 2,500 ลูกบากศ์เมตรก็ต้องเตรียมตัวรับมือแล้ว ถ้าเลย 2,500 ลูกบากศ์เมตรขึ้นไปก็เข้าขั้นวิกฤตแล้วต้องช่วยเหลือกัน เพราะน้ำอาจจะเข้าไปท่วมภายในบ้านประชาชนได้