พ่อใจสลาย ลูกชายวัย 11 ปี ถูกเพื่อนจับแก้ผ้าในร้านเกม ไถเงิน รุมทำร้ายนานนับปี

พ่อสุดทน พาลูกชายวัย 11ปี พบตำรวจหลังถูกเพื่อนข้างบ้านและในโรงเรียนรุมทำร้ายมาเป็นปี บางครั้งก็งัดเข้าบ้านมาลากออกไปทำร้ายเพราะอยากให้เป็นเป็นลูกน้อง และไถเงิน จนความแตกมีคนมาบอกพ่อ



เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 28 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากนายประไพ เกิดบำเพ็ญ อายุ 60 ปี พ่อของ ด.ช.วิชัย สุทธิสนธิ อายุ 11 ปี (น้องสอง) ว่าลูกชายถูกเพื่อนบ้านและเพื่อนในโรงเรียนรุมทำร้ายร่างกายมานานเป็นปี โดยเด็กกลุ่มดังกล่าวมีอายุ 11-13 ปี รวม 4 คน งัดบ้านเข้ามาลากตัวลูกชายออกไปทำร้ายร่างกาย



ผู้สื่อสื่อข่าวลงพื้นที่พร้อมกองสวัสดิการ เทศบาลตำบลท่าข้าม และหน่วยกู้ภัยเทศบาลตำบลท่าข้าม ไปที่บ้านเลขที่14 / 26 หมู่6 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จุดเกิดเหตุเป็นทาวเฮาส์ 2 ชั้น พบนายประไพอยู่กับลูกชาย 2 คน พอสอบถามข้อมูลจากนายประไพ จึงเผยว่า ตนทำงานเป็นรปภ. ส่วนลูกก็เรียนที่โรงเรียนวัดบางแสม ใกล้บ้าน ลูกชายเพิ่งจะย้ายมาเรียนตอนเข้า ป.5 ซึ่งลูกชายไม่เคยเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง และไม่เคยบอกอะไรเลย จนระยะหลังลูกชายไม่อยากไปโรงเรียน



ตนเข้าใจว่าลูกชายเกเร ขี้เกียจเรียน เลยดุด่าว่ากล่าวทุกครั้ง จนมารู้ความจริง เมื่อมีคนมาบอกว่า ลูกชายถูกเพื่อนในโรงเรียนชั้นเดียวกัน แต่อยู่คนละห้อง และลูกเพื่อนบ้านที่อยู่คนละโรงเรียนทำร้ายร่างกายแทบทุกวัน จนมาถามลูกชายและพบว่าที่แขนข้างขวามีแผลขนาดใหญ่ ลูกชายบอกว่าโดนคัตเตอร์จากลูกเพื่อนบ้าน ซึ่งถือขู่ลูกชายและตบศีรษะไปด้วย แต่ลูกชายสู้กลับ เลยถูกคัตเตอร์บาด ได้รับบาดเจ็บ



ตนได้แต่เสียใจที่ดุด่าลูก โดยไม่รู้ว่าลูกโดนเพื่อทำร้ายร่างกาย และที่หนักสุดคือลูกเพื่อนบ้านพาเพื่อนบุกเข้ามางัดบ้าน แล้วลากลูกชายออกไปทำร้ายร่างกายหลายครั้ง จนตนต้องเอาแม่กุญแจล็อกประตูบ้านเอาไว้ตลอดเวลาที่ลูกชายอยู่บ้านคนเดียว



เมื่อสอบถามน้องสอง เผยว่า ตอนเข้าเรียนใหม่ ๆ ก็ไม่คิดอะไร คิดว่าเพื่อนแกล้งปกติ จนหลัง ๆ ตนเริ่มโดนตบ โดนต่อย โดนไถเงิน และถูกจับแก้ผ้าในร้านเกม ทำให้ไม่อยากไปเล่นด้วย แต่เพื่อนก็พยายามโทรเข้ามาชวน จนไม่รับสาย สุดท้ายก็ปีนเข้ามาในบ้าน แล้วชักปลั๊กกล้องวงจรปิด งัดบ้านเข้ามาลากตัวออกไปทำร้ายร่างกายบริเวณหน้าบ้าน พร้อมขู่ว่า หากไม่ไปเล่นด้วยหรือตามไปด้วยก็จะโดนทำร้ายหนักขึ้น ทำให้ทุกครั้งต้องยอม



ล่าสุดถูกถูกต่อยตกน้ำ แล้วเพื่อนก็โยนจักรยานทิ้งน้ำ ตนต้องขึ้นฝั่งมาสู้กลับ แต่ก็สู้ไม่ได้ ทุกครั้งที่ออกไปนอกบ้านกับเพื่อนกลุ่มนี้ ต้องเจ็บตัวทุกครั้ง แต่ไม่บอกใคร เพราะถูกขู่ว่าจะทำร้ายหนักขึ้น สุดท้ายเมื่อพ่อรู้เรื่อง ทำให้ต้องยอมบอกความจริง

หลังจากนั้น ทางกู้ภัยได้พาเข้าพบ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จ.ฉะเชิงเทรา และ พ.ต.อ.พงษ์สัณห์ มีศรี ผกก.สภ.บางปะกง ที่สภ.บางปะกง ซึ่งพล.ต.ต.นเรวิช ได้ให้ชุดสืบสวนเก็บข้อมูล และให้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน พร้อมจะสอบต่อหน้าสหวิชาชีพอีกครั้ง ซึ่งทางพ่อเด็กจะย้ายลูกชายไปเรียนที่อื่น เพราะกลัวว่าลูกชายจะโดนทำร้ายอีก