สังคม

อยากมีเหมือนคนอื่นเขา! พ่อจูงลูกวัย 29 ขึ้นอำเภอ ขอทำบัตรปชช. หลังไม่เคยแจ้งเกิดลูก

โดย paweena_c

8 มี.ค. 2566

3.4K views

อยากมีเหมือนคนอื่นเขา พ่อจูงลูกสาว อายุ 29 ปี ขึ้นอำเภอ หลังไม่มีบัตรประชาชนมาตั้งแต่เกิด ไร้สิทธิ์ วอนภาครัฐเข้าช่วยเหลือ


เมื่อเวลา09.00 น.วันที่ 8 มีนาคม 2566 ที่อำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี นายคันชิต สุวรรณโมก อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.วิภาดา สุวรรณโมก อายุ 29 ปี โดยนายคันชิต เล่าว่า เมื่อ 29 ปีที่ผ่านมา ตนอยู่กินกับ นางประพันธ์ อินทรเสน และมีลูกสาวคือ น.ส.วิภาดา สุวรรณโมก ซึ่งในขณะที่ตนพานางประพันธ์ ภรรยาของตนเข้า รพ.กุยบุรี ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเข้าไปคลอดบุตรสาว ทาง รพ.กุยบุรี ได้ออกหนังสือรับรองการเกิดของลูกสาวตนให้ แต่ตนยังไม่ได้ไปแจ้งเกิดให้กับลูกสาวของตนจนถึงทุกวันนี้


จนกระทั้งลูกสาวของตนอายุ 29 ปี ก็ยังไม่ได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งในวันนี้ตนได้เดินทางเข้ามาขอความเมตตากับเจ้าพนักงานฝ่ายทะเบียนราษฎร์เพื่อขอให้ลูกสาวของตนมีบัตรประประชาชนเหมือนคนอื่น ๆ เขาบ้าง


นายคันชิต ผู้เป็นพ่อ เล่าเสียงเศร้าว่า ในช่วงที่ลูกสาวของตนเกิดมาในช่วงนั้นตนและครอบครัวจนมากหาเช้ากินค่ำตนก็ทำงานรับจ้างทั่วไป จึงไม่ได้ไปแจ้งเกิดให้กับลูกสาวของตน และต่อมาตนก็แยกทางกับนางประพันธ์ อินทรเสน ภรรยาของตน ลูกสาวของตนก็อยู่กับย่า และพี่ป้าน้าอาช่วยกันเลี้ยงมา ตามมีตามเกิดจนโตถึงทุกวันนี้ และในวันนี้ตนได้ตัดสินใจพา ลูกสาวของตนเดินทางเข้ามาที่อำเภอบางบัวทองเพื่อขอทำบัตรประจำตัวประชาชนให้กับลูกสาว เพื่อที่จะได้ทำอะไรได้สะดวก เพราะทุกวันนี้ลูกสาวของตนทำอะไรไม่ได้เลย


ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนได้แนะนำให้ตนกับลูกสาวเดินทางไปที่อำเภอในส่วนที่ลูกสาวของตนเกิดและแจ้งทางฝ่ายทะเบียนแจ้งจุดประสงค์และทางเจ้าหน้าที่จะออกใบสูติบัตรให้กับลูกสาวของตนพร้อมทั้งทำบัตรประจำตัวประชาชนให้กับลูกสาวของตนเพราะต้องสืบพยานรอบข้างว่า น.ส.วิภาดา สุวรรณโมก เป็นลูกสาวของตนจริงหรือไม่หรือถ้าสอบถามแล้วทางเจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจทางพ่อและลูกสาวก็ต้องไปตรวจ ดีเอ็นเอ ว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าแน่ชัดว่าเป็นพ่อลูกกันแล้วทางนายทะเบียนก็จะเอาชื่อลูกสาวเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านให้ได้ เพราะทุกวันนี้มีคนเข้ามาสวมสิทธิแบบนี้เยอะทางเจ้าหน้าที่จึงต้องมีความรอบคอบมากขึ้น


ด้าน น.ส.วิภาดา สุวรรณโมก อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนายคันชิต เล่าว่า ตั้งแต่ตนโตและจำความได้ตนไม่เคยได้เจอหน้าแม่ของตนเลยแม้แต่ครั้งเดียวเพราะพ่อกับแม่ของตนแยกทางกันตั้งแต่ตนยังแบเบาะและย่าและ น้า-อาได้เลี้ยงตนเอาไว้จนโต เรียนก็เรียนจบป.6 ที่ต่างจังหวัดและออกมารับจ้างงานทั่วไป เพราะไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนไปสมัครงานก็ไม่มีใครรับ ซึ่งทุกวันนี้ตนได้ย้ายไปอยู่กับสามีของตนที่ต่างจังหวัดและรับจ้างกรีดยางในสวนยาง ซึ่งตนก็อยากมีบัตรประชาชนเหมือนคนอื่นเขาบ้างจะได้รับสิทธิ ต่างๆเหมือนคนอื่นเขา


ทางด้านนายณัฐพล ดิษฐวิบูลย์ ปลัดอำเภอบางบัวทองหัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนราษฎร์ ได้ออกมาดูเอกสารที่มีอยู่ เช่น ใบรับรองการเกิดที่ รพ.กุยบุรี และให้คำแนะนำกับนายคันชิต ซึ่งเป็นพ่อและ น.ส.วิภาดา ลูกสาว


นายณัฐพล กล่าวว่า ต้องให้ทั้งสองคนพ่อ-ลูก ไปที่ว่าการอำเภอในเขตที่รับผิดชอบ และแจ้งจุดประสงค์เข้ามาติดต่อเรื่องอะไรกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนคงไม่มีอะไรมากเพราะทางลูกสาวมีหนังสือรับรองการเกิดของน้องอยู่แต่ก็ผ่านมาหลายปีมากแล้วก็ขึ้นอยู่กับสำนักทะเบียนนั้น ๆ ว่าเขาจะเชื่อถือพยานแค่ไหน ถ้าไม่เชื่อก็สอบพยานคนรอบข้างญาติพี่น้องหรือคนไกล้ชิดว่าเขาทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกันจริงหรือไม่ หรือถ้าไม่แน่ใจต้องตรวจ DNA กัน เพราะว่ามีการป้องกันว่าทำไมถึงไม่ออกสูติบัตรนานแล้ว


ก่อนหน้านี้ก็มีเคสว่าคนไทยเราไปรับส่งอ้างว่าคนนี้เป็นลูกคนนี้เป็นญาติแล้วก็พาต่างด้าวมาทำบัตร ก็อาจจะมีการตรวจ DNA หรือไม่ถ้าตามระเบียบต้องออกที่นั้น โดยปกติถ้าไม่เกินกำหนดเขาก็ไม่เรียกพยาน แต่นี้เกินกำหนดไปแล้วไม่แน่ใจว่านายทะเบียนจะเชื่อว่าเอกสารมันเป็นเอกสารจริงไหม ถ้านายทะเบียนตรวจสอบกับ รพ.กุยบุรี ได้แล้วมีหลักฐานสำเนาเขาก็จะเชื่อแล้วออกสูติบัตรได้ แต่เคสนี้ก็ยังไม่รับรองว่าน้องคือคนในสูติบัตรจริงหรือป่าว ต้องตรวจสอบให้ละเอียด


คุณอาจสนใจ

Related News