สังคม

ป.ป.ช.ลงดาบชี้มูล ‘อดีตนายกเล็กท่างิ้ว’ ฮั้วประมูลผู้รับเหมา ทุจริตซ่อมถนนก่อนทำสัญญาจ้าง

โดย chutikan_o

27 ก.พ. 2566

183 views

ป.ป.ช. ชี้มูล ธรรมศทรรศ อดีตนายกเทศมนตรี ต.ท่างิ้ว ฮั้วประมูลกับผู้รับเหมา-จัดจ้างก่อนทำสัญญา ทุจริตโครงการซ่อมแซมถนน

วันนี้ (27 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ นายกฤษณะ สุขอนันต์ หัวหน้ากลุ่มงานปราบปรามการทุจริต ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น หรือชื่อเดิม คือ นายทักษนัย กี่สุ้น นายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้วในขณะนั้น กับพวก ว่าทุจริตในการดำเนินโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนน หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ไปก่อนสภาเทศบาล ต.ท่างิ้วได้อนุมัติงบประมาณนั้น




ต่อมาจากการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่าเทศบาล ต.ท่างิ้ว โดยนายธรรมศทรรศ ได้ทำสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ยอดไทร การโยธา โดยมีนายสมพงษ์ ยอดไทร หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยอดไทร การโยธา เป็นผู้รับจ้าง เพื่อดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมถนน หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง วงเงิน 459,000 บาท แต่ปรากฏว่านายธรรมศทรรศได้ให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการปรับปรุงถนน หมู่ที่ 2 ถนนหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 รวมถึงการบุกเบิกถนนสายใต้เขื่อนหมู่ที่ 1 ไปก่อนทำสัญญาจ้าง และเมื่องานเกือบจะแล้วเสร็จ นายธรรมศทรรศจึงสั่งการให้หัวหน้ากองช่าง จัดทำโครงการและงบประมาณ เพื่อเสนอต่อสภาเทศบาล ต.ท่างิ้ว

จากนั้น อดีตนายกเทศมนตรี ต.ท่างิ้ว จึงได้เสนอโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนสายใต้เขื่อนอ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว หมู่ที่ 1 ถนนสาย นาพรุ-หนองหว้า หมู่ที่ 2 ถนนสายทางเข้าโรงปุ๋ย หมู่ที่ 4 ถนนสายห้วยจีหมัด หมู่ที่ 4 ถนนสายทุ่งควน-ไสทุง หมู่ที่ 6 และถนนสายคลองโก หมู่ที่ 7 เป็นเงินจำนวน 461,000 บาท ต่อสภาเทศบาล ต.ท่างิ้ว เพื่อขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม ในการประชุมสภาเทศบาลตำบลท่างิ้ว เมื่อสภาเทศบาลตำบลท่างิ้วได้อนุมัติงบประมาณแล้ว นายธรรมศทรรศจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการขออนุมัติจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าว ทั้งที่ผู้รับจ้างได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมถนนไปก่อนที่สภาเทศบาลตำบลท่างิ้วอนุมัติงบประมาณ




ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแล้ว มีมติเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง ว่าการกระทำของนายธรรมศทรรศ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และมีกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 และมาตรา 12



ส่วนการกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยอดไทร การโยธา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 นายสมพงษ์ ยอดไทร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 และห้างหุ้นส่วนจำกัด ลือภพ การโยธา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 และนายสราวุธ เหมสัน หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ลือภพ การโยธา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 และมาตรา 12



ส่วนทางด้านนายสุธรรม เหมไพบูลย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางสาวกันตินันท์ วรรณประดิษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นางสาวดารา พรหมทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายเกียรติศักดิ์ ศิลวิศาล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นางสาวพรทิพย์ กุยุคำ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 นางสาวพิศลัดดา หรือ นางสาวลดาอนันต์ ขาวทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 นางปราณี เจริญสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 นายชาญยุทธ ไชยกาล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 นางฐิติรัตน์ เลี้ยงพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 นายบุญล่อง แสงเกิด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 นางพะยอม วารินสะอาด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 นายสุเทพ คีรีเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 และนายนิกร ประสงค์ผล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ เทศบาล ต.ท่างิ้ว จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป โดยให้กันนายทวีเกียรติ ยิ้มเกตุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ไว้เป็นพยานเพียงเท่านั้น



อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายธรรมศทรรศ นายสมพงษ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยอดไทร การโยธา ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลือภพ การโยธา และนายสราวุธ และส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนต่อไป และให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก



หากผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนหรือผู้ใดไม่ดำเนินการตามมาตรา 98 โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท 0804.3/ว 711 ลงวันที่ 7 เมษายน 2564 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนของผู้ถูกกล่าวหา ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป



ทั้งนี้การไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จนนำมาสู่การแถลงข่าวต่อสาธารณะ ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

คุณอาจสนใจ

Related News