แม่รับไม่ได้ ลูกสาวม.1 บอกเพื่อนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าว่าเหม็น ถูกเพื่อน-รุ่นพี่ ตบตี บังคับกราบเท้า

แม่รับไม่ได้ ส่งลูกสาว ม.1 ไปเรียนแต่กลับเจอสังคมเลวร้าย เพื่อนสูบบุหรี่ไฟฟ้าในห้องเรียน ลูกสาวบอกว่าเหม็น เกิดไม่พอใจ ตบตีทำร้ายร่างกาย พร้อมเรียกรุ่นพี่ม.2 มาตบอีก ทั้งหมด 6 ครั้ง



เวลา 15.00 น. วันที่ 18 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของนักเรียนหญิงอายุ 12 ปี ท่านหนึ่ง พร้อมส่งมอบคลิปภาพและเสียงที่ลุกสาวถูกเพื่อนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1และรุ่นพี่มัธยมศึกษาปีที่ 2 ตบตี กระชากแมส และบังคับให้กราบเท้า



โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งผู้ปกครองอายุ 39 ปี เผยว่า ทีแรกไม่รู้ว่าลูกสาวโดนกระทำแบบนี้ จนมีเพื่อนลูกสาวแอบส่งคลิปมาให้ ถึงกับยอมรับไม่ได้ ซึ่งลูกสาวนั้นเพื่อนเข้าไปเรียนช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 1 แต่นักเรียนส่วนใหญ่ก็ขึ้นชั้นมาจากโรงเรียนดังกล่าว โดยสาเหตุนั้นเกิดจาก มีเพื่อนที่เรียนนั้นสูบบุหรี่ไฟฟ้า แล้วลูกสาวบอกว่ามันเหม็น ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจจนมีเรื่องทะเลาะวิวาท จากนั้นก็ไปเรียกรุ่นพี่ ม.2 ให้มาตบอีก ลูกสาวโดนไปทั้งหมด 6 ครั้งแล้ว



โดยมีการเรียกผู้ปกครองมาคุยแต่ก็ไม่จบ มีคุณครูบางท่านมาต่อว่าลูกสาวว่า เรื่องแค่นี้ทำไมต้องฟ้องพ่อแม่ แค่เรื่องทะเลาะวิวาทพอโทรประชุมสายก็ถูกแม่ของอีกฝ่ายท้าตบตัวต่อตัว อีกทั้งยังบอกว่า ถ้าอยากมีเรื่องจะยิงหัวให้ตายเลย ซึ่งคุณแม่ที่พูดนั้นเป็นภรรยาของตำรวจท่านหนึ่งที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยทางผู้ปกครองของน้องอายุ 12 ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา แต่มาทราบว่า ได้มีผู้ปกครองของคู่กรณีซึ่งเป็นตำรวจได้มาขอดูสำนวนด้วย



ทั้งนี้ตนอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบและจะขอย้ายลูกสาวไปเรียนที่อื่น เพราะยอมรับสังคมของโรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้ ขนาดที่เรียกเด็กนักเรียนที่มีเรื่องกับลูกสาวมาคุย ก็ได้คำตอบว่าหมั่นไส้ ไม่ชอบให้มองหน้า และต้องกราบตีนเรื่องถึงจบ ซึ่งตอนนี้ตามเนื้อตัวลูกสาวก็มีแต่แผลฟกซ้ำและหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเรียน เพราะว่าเวลามีงานกลุ่มก็ต้องทำงานคนเดียว ซึ่งคุณแม่ก็พยายามช่วยลูกให้เต็มที่ ทางผู้ปกครองยังบอกว่าอีกว่า ที่ส่งลูกสาวให้มาเรียนเพราะเห็นว่าเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียง แต่ไม่คิดว่าจะส่งลูกสาวมาเจอสังคมเลวร้ายแบบนี้ ฝ่ายครูไม่ได้ตำหนิ ไม่ทำโทษคู่กรณีทั้ง 7 คน แต่กลับเป็นลูกสาวตัวเองที่โดนตำหนิโดนทำโทษอยู่ฝ่ายเดียว หลังจากนี้ก็ขอให้เป็นเรื่องของทางตำรวจเป็นคนจัดการและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด