สังคม

โจรมารยาทงาม บุกเดี่ยวชิงทอง 1 บาท ยกมือไหว้พนักงานพร้อมพูดทิ้งท้าย "ขอนะ" ก่อนชิ่งหนี

โดย panisa_p

9 มิ.ย. 2565

153 views

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา รับรายงานมีเหตุคนร้ายชิงทองร้านทอง บริเวณสะพานยกระดับข้ามถนน 5 แยกน้ำกระจาย ถนนกาญจนวานิชฝั่งขาเข้าอำเภอเมืองสงขลา ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา หลังรับรายงานจึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ


ที่เกิดเหตุร้านทองทวีทรัพย์เยาวราช พบพนักงานกำลังยืนรอให้การเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นคนร้ายเป็นวัยรุ่นชาย 1 ราย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ รุ่น 110 สีฟ้าขาว ไม่ทราบเเผ่นป้ายทะเบียน ได้ก่อเหตุชิงทองรูปพรรณหนัก 1 บาท 1 เส้นไป


จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบลักษณะของคนร้ายเป็นวัยรุ่นชายอายุประมาณ 30 - 35 ปี ใส่เสื้อเจ็คเก็ตสีแดง สวมกางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ ขับขี่รถจักรยานยนต์มาเพียงคนเดียวก่อนจอดรถไว้หน้าร้าน จากนั้นคนร้ายทำทีเดินเข้ามาในร้านขอพนักงานดูทองรูปพรรณและใช้จังหวะพนักงานเผลอชิงทองไปได้ 1 บาท ก่อนยกมือไหว้เดินไปที่รถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป


จากการสอบถาม นางสาวอารีย์ เกิดแก้ว อายุ 36 ปี ได้เล่าว่า คนร้ายได้ทำทีเข้ามาเลือกทอง ที่มีน้ำหนักมาก 5 บาท 4 บาท และ 3 บาท แต่พนักงานขายได้บอกไปว่าน้ำหนักมากไม่มี มีแค่น้ำหนัก 1 บาท และพนักงานได้ขอให้คนร้ายถอดแมสก์ออกก่อน คนร้ายเลยขอดูเส้นแรกและพยายามจะดึงออกจากมือพนักงานขายไป


หลังจากนั้นได้ขอดูเส้นที่ 2 แต่เส้นแรกก็ยังอยู่ในมือพนักงานก็ขอกลับเอาเส้นแรกกลับไปแขวนไว้ที่เดิม คนร้ายก็ทำทีท่าดู ๆ และเริ่มถอยหลังและหลังจากนั้นก็หยิบทองแล้ววิ่งออกจากร้านไปเลย พนักงานเลยรีบกดกริ่ง แจ้งตำรวจและแจ้งเถ่าแก่ให้ทราบและได้ตามคนขายข้าวมันไก่ที่อยู่ตรงหน้าให้ช่วยตามให้ คนร้ายได้ใช้รถฮอนด้าเวฟ 110 น้ำเงินดำ อายุประมาณ 30 กว่า ๆ


พนักงานได้เล่าอีกว่ามันผิดปกติตั้งแต่คนร้ายเข้ามาในร้านแล้ว เพราะช่วงนี้คงไม่มีใครที่จะมาซื้อทองน้ำหนักเยอะหรอก และคนร้ายทำท่าจะดึงตั้งแต่เส้นแรกแล้ว หลังจากได้ทองไปคนร้ายก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายหรือชักอาวุธอะไรออกมาและได้เดินออกจากร้านไปขึ้นรถขับไปเฉย ๆ เพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนลง สภ.เมืองสงขลา ได้พื้นที่เก็บหลักฐานของคนร้ายแล้วพร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนีซึ่งคาดว่าได้ตัวคนร้ายเร็ว ๆ นี้

คุณอาจสนใจ

Related News