นครบาลสั่งด่วน! สอบตำรวจขับนำรถ ‘หมอบุญ’ จำเป็นหรือไม่ จ่อฟันโทษผิดวินัย

นครบาลสั่งสอบตำรวจจราจร ขับนำรถ “หมอบุญ” ย้อนศรในช่วงเวลาเร่งด่วน มีความจำเป็นหรือไม่ จ่อลงโทษเอาผิดทางวินัย

จากกรณีที่โลกโซเชียลมีการแชร์คลิปรถเบนซ์ ขับรถย้อนศร โดยมีรถจักรยานยนต์ ตำรวจ สองคันนำหน้ามา จนมีการตั้งข้อสงสัยว่าบุคคล สำคัญรายนี้คือใครและเหตุใดจึงขับรถย้อนศรในช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งบังคับวันเวย์ โดยพลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่าคลิปดังกล่าวถูกบันทึกไว้เมื่อช่วง 8 โมงเช้าของวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริเวณจุดเกิดเหตุ ถนนกำแพงเพชร 7 ใกล้วัดอุทัยธาราม ที่ถนน 2 ช่องทางในข่วงนั้นเป็นช่องทางสวนกัน

แต่ในช่วงเวลาเร่งด่วนเวลา 6 โมงถึง 9 โมง จะปิดให้เดินรถทางเดียว แต่เนื่องจากช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้ไม่ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่คือ สน. มักกะสัน เข้าไปทำการปิดเส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้เกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดดังกล่าวขึ้น และจากการตรวจสอบพบว่ารถจักรยานยนต์ของเจ้าที่ตำรวจจราจรคันแรกเป็นของ สน.มักกะสัน ที่ได้รับการแจ้งว่ามีภาระกิจเร่งด่วนจากรถจักรยานยนต์ตำรวจ สน.ทองหล่อ ที่ตามมาล่ะจึงมีการขับย้อนศรเพื่อไปปิดเส้นทาง ด้านหน้าส่วนรถจักรยานยนต์คันที่นำรถเบนซ์ มาทราบว่าเป็นของเจ้าที่ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ

ขณะนี้ได้มีการสั่งการให้ ทางผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเหตุใดจึงต้องมีการให้เจ้าที่จราจรสน. ทองหล่อไปนำขบวนรถเบนซ์คันดังกล่าว และทำไมจึงมีการนำในเส้นทางที่นอกเหนือพื้นที่รับผิดชอบ ส่วนเจ้าของรถยนต์เบนซ์คันดังกล่าวได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบว่าเป็นบุคคลใด แต่เบื้องต้นทราบว่าไม่ใช่บุคคลสำคัญแต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าเป็นใคร และมีเหตุเร่งด่วนใดที่ต้องประสานให้ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ มานำขบวนในวันเกิดเหตุ และได้มีการปฏิบัติตามระเบียบของการขอรถนำขบวนหรือไม่

เนื่องจากว่าการขออำนวยความสะดวกในการมีรถนำขบวนมีระเบียบข้อกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน หากพบว่าไม่มีการทำตามระเบียบที่มีการวางไว้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่ทำหน้าที่นำขบวนต้องรับโทษ มีความผิดทางวินัย ส่วนรถเบนซ์คันดังกล่าวเบื้องต้นยังไม่พบว่าเข้าข่ายความผิดใด ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ขออภัยพี่น้องประชาชนและจะนำบทเรียนของการผิดพลาดในครั้งนี้มาปรับปรุงและแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิด เหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต