สังคม
รวบชายอ้างเป็น ตร.ชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ หลอกเรี่ยไรเงินแฟนคลับแม่น้องชมพู่
โดย pattraporn_a
21 มิ.ย. 2564
71 views
จับผู้ต้องหาอ้างเป็นตำรวจชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่เรี่ยไรเงินแฟนคลับแม่น้องมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร จับกุมตัว นายพรเทพ พุ่มสะอาด หรือเดี่ยว อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุอ้างเป็นตำรวจชุดสืบสวนคลื่คลายคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู เรี่ยไรเงินจากแฟนคลับแม่น้องชมพู ซึ่งมีประชาชนหลงเชื่อโอนเงินให้เป็นจำนวนมาก หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจรับทราบเบาะแสว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมดังกล่าวจึงได้นัดแนะให้ผู้ต้องหามาแสดงตัว และควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำ
ต่อมาได้มี นายธีรพล ( สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้เสียหายเข้าชี้ตัวผู้ต้องหาพร้อมกับเปิดเผยว่า ตนเองเป็นแฟนคลับของแม่น้องชมพู่โดยในกลุ่มของตัวเองมีสมาชิกกว่า 6000 คน ผู้ต้องหาหลอกว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนคดีน้องชมพู่โดยนำป้ายของตำรวจมาแขวนคอและโพสต์ลงในโซเชียล จนทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหา เฉพาะในส่วนของกลุ่มของตนเองรวมแล้วจำนวนกว่า 300,000 บาท ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะเป็นผู้หญิงและแล้วอยากจะช่วยเหลือแม่น้องชมพู่ในการคลี่คลายคดี แต่ตนเองไม่ได้ถูกหลอกเพราะเห็นความผิดปกติของผู้ต้องหาและจึงท้าทายให้ไปเจอกับตนเองที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร แต่แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหากลับไม่ปรากฏตัวตามที่นัดหมายกันไว้แต่อย่างใด ซึ่งทางตำรวจจังหวัดมุกดาหารระบุว่าผู้ต้องหาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่กล่าวอ้าง
จนกระทั่งพบว่าผู้ต้องหามีคดีเกี่ยวกับเช่าซื้อรถนจึงนำข้อมูลมาแฉเพื่อจะเป็นประโยชน์ไม่ให้มีผู้ถูกหลอกอีกพร้อมกับอยากให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความไม่ต้องอายเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาไปหลอกลวงประชาชนคนอื่นอีกต่อไป
ขณะที่ นายพรเทพ หรือเดี่ยว ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ต้องการนำเงินที่บริจาคจากแฟนคลับของแม่น้องชมพู่ไปร่วมทำบุญทอดกฐินปฏิเสธว่าไม่ได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว ยอมรับว่าตัวเองอ้างเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดมุกดาหารจริง ส่วนเงินที่รับบริจาคได้ยอดเงินสดประมาณ กว่า 1 แสนบาท และได้นำเงินไปมอบให้วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนรถตู้มูลค่า 4 แสนที่ตำรวจยึดเป็นของกลางได้มาจากการคุยแชทกับหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนคลับแม่น้องชมพู่ที่อยู่ในต่างประเทศและเป็นผู้โอนเงินมาให้
พลตำรวจตรี อัศวยุทธ นุชพุ่ม รักษาการผู้บังคับการนครบาล 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การยังไงก็ได้ แต่จากการสืบสวนสอบสวนตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาจำนวน 3 ข้อหา คือ อ้างเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และข้อหาฉ้อโกง ส่วนข้อหาฉ้อโกงประชาชนประชาชนต้องดูจำนวนของผู้เสียหายว่ามีจำนวนมากพอที่จะแจ้งได้หรือไม่
โดยพฤติกรรมของผู้ต้องหาพบว่ามีการแสดงตัวเป็นตำรวจยศดาบตำรวจ สร้างโปรไฟล์ถ่ายรูปกับรถตำรวจพร้อมกับบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจและอยู่ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ที่เป็นแฟนคลับหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ จึงอยากฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อกับกลุ่มมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจในคดีน้องชมพู่เพื่อมาหากินซึ่งทำให้ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง
แท็กที่เกี่ยวข้อง