สังคม

DSI มีมติสั่งฟ้อง 4 ข้อหา 18 บอสดิไอคอน-นิติบุคคล

โดย panwilai_c

20 ธ.ค. 2567

92 views

ดีเอสไอมีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหาบริษัทดิไอคอลกรุ๊ปทั้งหมด 18 ราย และนิติบุคคล 1 ราย ใน 4 ข้อหา โดยมีผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 7800 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1600 ล้านบาท หลังจากคณะพนักงานสอบสวนพบหลักฐานยืนยันจากผู้เสียหายว่าเน้นหาสมาชิกร่วมลงทุนมากกว่าการขายสินค้า โดยเตรียมส่งสำนวนให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ วันจันทร์นี้



ดีเอสไอ ได้มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย กรมพัฒนาธรกิจการค้า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สถานบันนิติวิทยาศาสตร์ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทั้งคณะที่ปรึกษาคดีพิเศษมาร่วมประชุม โดยในที่ประชุมได้รับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และได้ร่วมกันพิจารณาความเห็นทางคดี ซึ่งมติในที่ประชุมเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 18 ราย นิติบุคคล 1 ราย ตามข้อกล่าวหา 4 ข้อ โดยมีผู้เสียหายที่มียื่นฟ้องผู้บริหารบริษัทดิไอคอลกรุ๊ป มีทั้งหมด 7,875 คน โดยรวมมูลค่าความเสียหาย 1,644 ล้านบาท



พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่าก่อนหน้านี้ทางตำรวจ ปคบ. ได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ ฉ้อโกงประชาชน และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ



เมื่อส่งสำนวนมายังดีเอสไอก็รับสำนวนไว้เป็นคดีพิเศษ และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 สำหรับบอสดารา 3 คน คือ นาย กันต์ กันตถาวร หรือ บอสกันต์ นางสาว พีชญา วัฒนามนตรี หรือ โค้ชมีน และนาย ยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ บอสแซม ยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่ในส่วนของผู้บริหารที่ร่วมวางแผนธุรกิจ แต่เป็นเพียงผู้รับจ้างโฆษณาสินค้าเท่านั้น โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาจากพยานหลักฐานทุกอย่างที่ได้รวบรวมมา ทั้ง เอกสารที่เกี่ยวข้องกว่า 300,000 แผ่น



คำให้การของพยาน 50 คน ซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทดิไอคอน ที่ฝ่ายผู้ต้องหาพามาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษสอบปากคำ สรุปแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาเป็นบุคคลธรรมดา 18 รายและอีกนิติบุคคล 1 ราย



ขณะที่นาย วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้จะถูกแยกสำนวนออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย นิติบุคคล 1 ราย ที่กระทำผิดต่อผู้เสียหายกว่า 7,875 ราย ที่อยู่ในราชอาณาจักร- อีกส่วนเป็นสำนวนที่มีผู้เสียหายอยู่นอกราชอาณาจักร ซึ่งในส่วนนี้ทางอัยการจะเข้ามาร่วม และเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น ก็จะส่งสำนวนจะให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาคดี คณะพนักงานสอบสวนเชื่อมั่นว่า ความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือ แชร์ลูกโซ่ มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่เชื่อได้ว่าการกระทำของผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นการหาลูกข่ายหรือหาสมาชิกมาร่วมลงทุนทำธุรกิจมากกว่ามุ่งเน้นการขายสินค้า



โดยคณะพนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนคดีให้อัยการ ภายในวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคมนี้ และการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ กับผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งทันเวลาของการขออำนาจศาลอาญาฝากขังได้ 7 ผัด หรือ 84 วัน ซึ่งจะครบผัดฝากขังในวันที่ 25 ธันวาคมนี้



ขณะที่นาย วิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิเศษว่า พยานที่ฝั่งดิไอคอนกรุ๊ป นำมาเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ แต่ใช้ได้เพียงแค่ 50 คน และฟังว่าไม่ได้ช่วยให้แก้ข้อกล่าวหาได้ ไม่แน่ใจว่า D4

SI มีธงในใจหรือไม่ เพราะเมื่อตอนที่ไปขอพฤติการณ์ของคดี รวมถึงตอนที่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ทางดีเอสไอก็ไม่ได้ให้หลักฐานการกระทำผิดมาตั้งแต่แรก



ตอนที่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมก็ไม่ได้นำหลักฐานมายืนยันว่า เรากระทำความผิดฐานแชร์ลูกโซ่อย่างไร มีเพียงถามว่าจะรับหรือปฏิเสธ จึงต่อสู้คดีเท่าที่เราทำได้ พร้อมตั้งคำถามว่า การต่อสู้คดีจะบริสุทธิ์ยุติธรรมได้อย่างไร หลังจากนี้จะไปร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ