สังคม

ตร.เปิดปฏิบัติการทลายรังนักเลง EP.2 พุ่งเป้านักการเมืองท้องถิ่น ที่อาจเกี่ยวข้องเครือข่าย 'โกทร'

โดย panisa_p

16 ธ.ค. 2567

39 views

วันนี้ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกองบัญชาการสอบสวนกลาง เปิดปฎิบัติการกวาดล้างในยุทธการทะลายรังนักเลง ด้วยการปูพรมค้น 59 เป้าหมาย ใน 12 อำเภอของจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นปฎิบัติการต่อเนื่องหลังจาก นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ อดีต สจ.โต้ง ถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ระบุว่าตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน มั่นใจว่าตำรวจไม่บ้าบิ่นที่จะแจ้งข้อกล่าวหาใครโดยไม่มีพยานหลักฐาน



พลตำรวจโทยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างในยุทธการ "ทะลายรังนักเลง" ซึ่งดำเนินการระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม โดยตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กระจายกำลังตรวจค้นในพื้นที่ 12 อำเภอของจังหวัดปราจีนบุรี รวม 59 เป้าหมาย ซึ่งผลการตรวจค้น พบอาวุธปืนทั้งหมด 79 กระบอก เป็นอาวุธไม่มีทะเบียน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 601 นัด และดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 8 ราย



ส่วนผลการกวาดล้างตลอดสองวันที่ผ่านมา ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเชื่อมโยงกับ การเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ อดีต สจ.โต้ง หรือไม่ แต่จะเดินหน้าปฎิบัติการต่อ แล้วจะพิจารณาต่อไปว่า เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่



ส่วนเป้าหมายหลักของการตรวจค้น พบว่าส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง และไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้



พลตำรวจโทยิ่งยศ ระบุว่าตำรวจเร่งหาข้อมูลหลักฐาน เพื่อนำไปใช้พิสูจน์ในชั้นศาล ในกรณีที่นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ อดีต สจ.โต้ง ถูกยิงเสียชีวิต แม้ว่าจะมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า คดีนี้อาจไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำผิดได้ แต่ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด



ส่วนพยานหลักฐาน ที่จะเอาผิดกับ 7 ผู้ต้องหานั้น ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและตั้งสมมติฐานกับบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นไปตามองค์ประกอบของข้อกฎหมาย และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่จะบอกว่ามั่นใจที่สามารถเอาผิดได้หรือไม่นั้นต้องรอดู เพราะหากสิ้นสุดจากชั้นตำรวจแล้ว ก็ยังมีขบวนการชั้นอัยการ และชั้นศาล ซึ่งตรงนั้นต้องไปพิสูจน์



พลตำรวจโทยิ่งยศ ยังระบุว่าคดีนื้ตำรวจภูธรภาค 2 เดินหน้าทำคดีที่ สจ.โต้ง ถูกยิง เต็มที่ และยังตอบไม่ได้ว่า จะส่งสำนวนคดีให้กองปราบปรามรับผิดชอบหรือไม่ แต่หากมองในประเด็นว่า เพื่อความสบายใจของครอบครัวผู้เสียชีวิต และส่วนกลางอีกหลายหน่วยงานมาร่วมคลี่คลายคดี ก็มีความเป็นไปได้และเหมาะสม ที่จะให้ส่วนกลางเป็นผู้รับผิดชอบคดี



ส่วนกรณีลูกน้อง สจ.โต้ง ที่พบว่า เป็นตำรวจในพื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ยืนยันว่าได้นำบุคคลทั้งหมดที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำ ส่วนจะย้ายผู้ต้องขังไปอยู่ในพื้นที่ใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลในการพิจารณา รวมทั้งไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์



นายสมเกียรติ คำดำ หรือ อดีต "สจ.หลาย" เป็นหนึ่งในเป้าหมาย ที่ตำรวจเข้าตรวจค้นในพื้นที่อำเภอประจันตคามวันนี้ โดยนายสมเกียรติ เปิดเผยว่าไม่แปลกใจที่บ้านตนเองถูกตรวจค้น เพราะเข้าใจว่าตำรวจอาจมองว่าตนเป็นหนึ่งในกลุ่มนักการเมืองที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดปราจีนบุรี และเตรียมใจไว้ล่วงหน้า แต่ยืนยันว่าไม่มีสิ่งผิดกฎหมายหรือพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่



และระบุว่าตนเองสนิทสนมกับทั้งโกธร หรือนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ. และ สจ.โต้ง ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะอาจทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งไม่เป็นความจริง



นายสมเกียรติเล่าว่า ตนได้ถอนตัวจากการเมืองท้องถิ่น เพื่อไปลงสนามการเมืองระดับชาติในนามพรรคเพื่อไทย โดยก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับนายสุนทร เพื่อขออนุญาต ซึ่งไม่มีปัญหาหรือความขัดแย้งใดๆ ยืนยันว่าความแตกต่างทางการเมืองไม่ได้เป็นชนวนเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้น



เขายังกล่าวถึง สจ.โต้งว่า ก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้งเคยมาขอให้สนับสนุนภรรยาที่เตรียมลงสมัครนายก อบจ. เมื่อเดือนที่แล้ว และโกทรก็ได้เข้ามาเยี่ยมที่บ้านตามปกติ โดยไม่มีนัยยะทางการเมืองแต่เพียงเป็นการพูดคุยถามไถ่ถึงครอบครัวทั่วไป

คุณอาจสนใจ

Related News