DSI จ่อแยกสำนวนคดีลอบนำเข้าหมูเถื่อน เดินหน้าเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

อีกหนึ่งคดีที่ข่าว 3 มิติ เกาะติดมาต่อเนื่อง คือกรณีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ที่ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษตั้งแต่ปีที่แล้ว จากนั้นก็แตกเลขคดี เพื่อสืบค้นเรื่อยมา จน พบหลักฐาน การนำเข้าหมูเถื่อนหลายบริษัท



ล่าสุด กรณีการตรวจค้นหมูเถื่อน15 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งถูกส่งไปถึงโรงเชือดและห้องเย็นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำแดงในเอกสารว่า เป็นสัตว์ทะเลนั้น ดีเอสไอ มีมติจะแยกคดีออกไปดำเนินคดีใหม่ เพราะมีหลักฐานที่ชัดเจนมากพอที่จะให้คืบหน้าไปเร็วขึ้น



หลักฐานดังกล่าว ก็คือต้นทางนำเข้าสำแดงเป็นสัตว์ทะเล แต่ปลายทางมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นหมูนำเข้า ที่นำไปสวมเป็นหมูเกษตรกรไทย แล้วส่งขายในห้างใหญ่ทั่วประเทศ



การประชุมของคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ กรณีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ที่พบผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 10 บริษัทนั้น ล่าสุด ดีเอสไอ มีมีติให้แยกคดีพิเศษที่ 126/2566 ออกไป เป็นเลขคดีใหม่ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีได้เร็วขึ้น เพราะกรณีพบหลักฐานนำเข้าหมูเถื่อน 15 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่สำแดงเป็นสัตว์ทะเลแช่แข็ง แล้วส่งขึ้นไปโรงเชือดสุกร ที่เชียงใหม่ เพื่อสวมสิทธิ์เป็นหมูของเกษตกรไทยนั้น มีหลักฐานชัดเจนว่า เป็นหมูนำเข้าจากต่างประเทศ



ข่าว 3 มิติ ตรวจสอบพบว่าทั้ง 15 ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว แยกเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศบราซิล 6 ตู้คอนเทนเนอร์ และนำเข้าจากเยอรมันอีก 9 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่ง ดีเอสไอมีหลักฐานการโอนเงินระหว่างบริษัทเว้ลท์ซี่แอนด์ เฮลท์ธี่ฟูด จำกัด ไปยังบริษัทที่เป็นโรงเชือดและห้องเย็นที่เชียงใหม่ ประมาณ 24,316,808.36 บาท นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานที่หมูเหล่านั้นส่งเข้าสายการผลิตและนำออกไปจำหน่ายเรียบร้อยหมดแล้ว



โครงข่ายของผู้เกี่ยวข้องในกรณี 15 ตู้คอนเทนเนอร์ ตามข้อมูลของดีเอสไอ คือบริษัทมายเฮาส์ รับจ้างจากบริษัท เว้ลธี่ แอนด์ เฮ้ลธี่ ฟูดส์ ให้นำเข้าเนื้อหมู 15 คอนเทนเนอร์



เมื่อนำเข้ามาแล้ว มายเฮาส์ ก็ส่งมอบ ให้ บ.เว้ลซี่ ซึ่งบริษัทนี้มีผู้ถูกดำเนินคดี 3 ราย จากนั้น เว้ลซี่ ก็ส่งเนื้อหมูไปให้บริษัท V ที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเชือดหมูของเกษตรกรไทย และมีห้องเย็น เมื่อหมูเถื่อนถูกส่งเข้าห้องเย็น ก็ถูกตัดแต่งชิ้นเนื้อแปลงร่างเป็นหมูไทย จากนั้น ก็หมูเถื่อนในร่างของหมูไทย ไปศูนย์กระจายสินค้าของห้างโมเดินเทรด ที่อยู่ในจังหวัดภาคกลาง จากนั้นศูนย์กระจายสินค้าก็ส่งไปวางขายในห้าง



ข้อมูลของทั้ง 15 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่นำเข้าจากเยอรมันและบราซิล ปรากฎชัดเจนว่า สินค้าที่นำเข้าเดือนมกราคม /กุมภาพันธ์ /มีนาคม และสิงหาคม 2565 สำแดงว่าเป็นสัตว์ ทะเล คือปลาเฮกทั้งตัวแช่แข็ง และหัวปลาแซลม่อนแช่แข็ง แต่เมื่อถึงขั้นตอนการรับสินค้า ที่บริษัท V เชียงใหม่ สินค้าเหล่านี้ ระบุชัดเจนว่าเป็นสามชั้นแช่แข็ง /หมูซีกแช่แข็ง /สันคอแช่แข็ง เป็นต้น



นอกจากหลักฐานที่เป็นเอกสารแล้ว ดีเอสไอยังพบว่าการบันทึกรายการรับสินค้าดังกล่าวมีภาพถ่ายชิ้นส่วนหมูเป็นหลักฐานไว้ด้วย เช่น สินค้าตู้นี้ นำเข้ามาจากบราซิล เมื่อ เมื่อมกราคม ปี 65 โดยนำเข้าเมื่อ18 มก ตรวจปล่อยสินค้าเมื่อ 19 มกรา หมายเลขตู้ OERU 40005632 สำแดงว่าเป็นปลากเฮกทั้งตัวแช่แข็ง



เมื่อผ่านการตรวจสอบสอบ รับรองจากเจ้าหน้าที่รัฐมาแล้ว ตู้นี้ก็ถูกส่งไปเชียง เมื่อ 21 มกราคม หรือ 3 วัน หลังจากขึ้นที่ท่าแหลมฉบัง เมื่อถึงที่เชียงใหม่ ตู้นี้ที่สำแดงว่า เป็นปลาเฮกนั้น ลงรับว่าเป็นสามชั้นแช่แข็ง บันทึกรายการรับ ที่ระบุหมายเลขตู้ กับภาพถ่ายนั้นตรงกันชัดเจน



ตู้นี้นำเข้าจากเยอรมัน เมื่อวันที่กุมภาพันธ์ 65 โดยนำเข้า 12 กุมภา ตรวจปล่อย 1 มีนา หมายเลขตู้ TLLU1083156 สำแดงว่าหัวปลาแซลม่อนแช่แข็ง แต่เมื่อถึงปลายทางที่เชียงใหม่ ในวันที่ 3 มีนาคม 65 สินค้านี้ไม่ใช่หัวปลาแซลมอนแช่แข็ง แต่เป็นสุกรซีกแช่แข็ง



หรืออีก 1 ตัวอย่าง คือตู้นี้ เป็นสินค้านำเข้าจากบราซิล เมื่อ 2 สิงหาคม 65 ตรวจปล่อยสินค้า 8 สิงหาคม หมายเลขตู้ FBIU5058786 สำแดงว่าเป็นปลากเฮกทั้งตัวแช่แข็ง แต่เมื่อถึงเชียงใหม่ ในวันที่ 9 สิงหาคม หรือเพียง 1 วัน หลังการตรวจปล่อย สินค้าที่สำแดงว่าปลาเฮกนั้น แท้จริง คือสันคอแช่แข็ง



3 ตู้คอนเทนเนอร์นี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของหลักฐานที่พบอย่างชัดเจนว่า สินค้าที่สำแดงเป็นสัตว์ทะเล แท้จริงหรือคือหมูเถื่อน ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีผู้เกี่ยวข้องกับการตรวจและรับรองก่อนปล่อยสินค้าออกมา



นอกจากนี้ ปลายทางของสินค้าเหล่านี้ เมื่อหมูเถื่อนถูกสวมสิทธิ์เป็นหมูไทยแล้วส่งขายผ่านห้างใหญ่ ก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่ดีเอสไอ กำลังแกะรอยเช่นกัน