สอบสวนกลางทลายรังมังกรเทา จับร้านแลกเงินเถื่อน ฟอกเป็นสกุลเงินดิจิทัล ก่อนโอนออกต่างประเทศ

วิธีการฟอกเงินของแก๊งอาชญากรรมทางออนไลน์ มักมีเส้นเงินที่โอนออกไปหลายทอด เพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับกุม และร้านรับแลกเหรียญ ก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่ขบวนการรับฟอกเงิน มักนำเงินไปแลกเป็นเงินดิจิทัลสกุล USDT เพื่อง่ายต่อการโอนต่อไปยังหลายประเทศ ก่อนจะถอนเป็นเงินสด โดยตำรวจสอบสวนกลางได้ทลายรังมังกรเทา ที่เปิดเป็นร้านรับแลกเงิน ย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นร้านแลกเงินเถื่อนหลายร้าน มีสำนักงานทนายความและบัญชีเป็นนอมินี



ตำรวจสอบสวนกลาง โดยตำรวจปอศ. นำกำลังเข้าตรวจค้นร้านรับแลกเงิน ที่ตั้งอยู่ย่านห้วยขวาง พบว่าเป็นร้านแลกเงินเถื่อน โดยหน้าร้านเขียนว่าบริการจัดหาอสังหาริมทรัพย์ในไทย รับทำวีซ่า และยังรับแลกเงินสกุลต่างๆ โดยได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนบริษัท ที่จังหวัดจันทบุรี มีคนไทยเป็นนอมินีไปจดทะเบียนให้ ขณะเข้าตรวจค้น พบพนักงานหญิงคนไทยทำงานอยู่ กำลังติดต่อนัดลูกค้าคนจีนให้ไปดูบ้าน



ขณะที่ยังพบชายสัญชาติจีน อ้างว่าเพิ่งเดินทางมาถึง เพื่อหาที่พัก แต่จากการตรวจสอบพบว่าคนจีนรายนี้ จะเป็นคนดูแลร้านและรับแลกเหรียญ เมื่อเปิดตู้เซฟพบเครื่องรูดบัตรเครดิต เครื่องนับธนบัตร



และเมื่อไปค้นชั้นสอง พบมีเงินหยวนและเงินไทยจำนวนหนึ่ง ซึ่งยืนยันได้ว่ามีการรับแลกเหรียญจริง จากการเปิดปฏิบัติการทลายรังมังกรเทา พบย่านห้วยขวางลักลอบเปิดบริษัทรับแลกเปลียนสกุลเงิน และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจ้างคนไทยในลักษณะนอมินี ไปจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยช่วงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาด หลอกเงินคนไทยได้จำนวนมหาศาลนับเกิน 5 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเส้นเงินนำมาแลก เป็นสกุลเงิน USDT เพื่อโอนต่อไปได้ทัวโลก หลังจากนั้นมีการนำกลับมาฟอกเป็นการซื้อทรัพย์สินในไทย ซึ่งร้านสะดวกซื้อก็รับแลกเหรียญ แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจ จึงไปปิดป้ายว่าไม่รับแลกเหรียญUSDT ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เพิ่งรับแลกเหรียญไป และพบโบชัวร์รับแลกเงิน



ปฏิบัติการทลายมังกรเทา ตำรวจ พบ ชาวจีน 6 คน ที่เข้ามาจ้างบริษัทนอมินีคนไทย ให้จดทะเบียนเป็นบริษัท พบใช้วีซ่านักศึกษา และวีซ่าท่องเที่ยว เข้ามาในประเทศ และมักมีประวัติเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังพบร้านอาหาร จีน ที่ตั้งอยู่ย่านห้วยขวาง เปิดโดยใช้บริษัทนอมินีคนไทย ลักลอบจดทะเบียนเปิดบริษัท



ซึ่งร้านรับแลกเหรียญ และร้านอาหาร มีความผิด พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ขออนุญาต พรบ.การแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่ละข้อหามีโทษปรับ 2-5 แสนบาท จำคุก 2-5ปี