น้ำท่วมปัตตานีเริ่มคลี่คลาย ปชช.ทยอยทำความสะอาด ด้านกรมชลฯ เตือนยังต้องเฝ้าระวังสัปดาห์หน้า

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดปัตตานีเริ่มคลี่คลาย หลังฝนรอบสองยังไม่ตกหนักตามคาดการณ์ แต่กรมชลประทานคาดการณ์ว่าจุดที่น้ำยังท่วม ต้องใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์ เพราะยังมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนบางลาง และฝนที่จะตกรอบสามในช่วงวันที่ 13-16 ธันวาคม ซึ่งนักวิชาการ เสนอให้ภาครัฐเตรียมรับมือป้องกันน้ำท่วมใหญ่รอบสอง ขณะที่พื้นที่น้ำลดเริ่มเข้าสู่การฟื้นฟู



ที่บ้านคลองขุด ต.ดอนรัก จ.ปัตตานี ยังมีน้ำท่วม ผู้ประสบภัยต้องมาอยู่บนถนนเป็นวันที่ 6 แล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.เพราะน้ำยังลดลงช้า และพื้นที่ด้านในยังมีน้ำสูง นอกจากน้ำดื่ม ถุงยังชีพแล้ว ผู้ประสบภัยต้องการอุปกรณ์ความสะอาดในการล้างบ้านด้วย



อำเภอหนองจิกน้ำท่วมหนักทั้งตำบล ระบบไฟฟ้าและประปายังใช้ไม่ได้ทั้งหมด ปัญหาเร่งด่วนคือการขาดแคลนน้ำดื่มและถุงยังชีพ ที่ สส.เขต 2 จังหวัดปัตตานี พรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่าน้ำท่วมกันถ้วนหน้า แม้แต่ผู้นำชุมชนและท้องถิ่นเองบ้านก็น้ำท่วม ขณะนี้ต้องการระดมความช่วยเหลือให้ทั่วถึงทุกตำบล ซึ่งได้รับการสนับสนุนน้ำดื่มจากสิงห์อาสา มอบให้ผู้นำชุมชนไปแจกจ่ายอย่างทั่วถึง



สิ่งของความช่วยเหลือยังต้องการอีกมาก และเริ่มมีการระดมความช่วยเหลือมาถึงพื้นที่ เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประทศไทย โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย มีโครงการ ปลาร้า ไปหา ปลาแดก ผู้รับเป็นผู้ให้ จากหนองคายถึงภาคใต้ ได้นำถุงยังชีพมามอบให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี นำไปมอบทั้งในจังหวัดสงขลา ยะลา และนราธิวาส ซึ่งปีนี้เฉพาะที่จังหวัดปัตตานีน้ำท่วมหนัก ภาคธรุกิจเสียหายไปมากแต่ยังประเมินความเสียหายไม่ได้ เพราะต้องรอหลังน้ำลด



สำหรับพื้นที่ที่น้ำลดเริ่มทำความสะอาด และพบว่ามีโรงเรียนเสียหายหนักทุกจังหวัด เช่นที่โรงเรียนบ้านม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยไม่เคยท่วมมาก่อน ทำให้ไม่ได้เตรียมขนย้ายสิ่งออก จึงเสียหายหนัก โรงเรียนได้เปิดเรียนที่ชั้น 2 และทำความสะอาดชั้น 1 เพื่อให้เด็กๆได้มาโรงเรียน เพราะน้ำท่วมบ้าน ทำให้ไม่มีชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอน ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ต้องการของทุกโรงเรียนที่น้ำท่วม



ผศ.ดร.สมพร ช่วยอารีย์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ฝนที่ตกช่วง 3-5 ธันวาคม ไม่ได้หนักเท่าฝนรอบแรก แต่น้ำที่ท่วมอยู่บางจุดจะท่วมนาน เช่นที่พรุลานควาย อ.ทุ่งยางแดง และ ตำบลปะกาฮะรัง อ.เมือง จังหวัดปัตตานี เพราะน้ำท่วมปีนี้หนักที่สุด เพราะฝนที่ตกสะสมทุกพื้นที่ ซึ่งตัวเลขฝนสะสม 15 วันที่ผ่านมา สูงสุดที่ อ.ยะรัง มากถึง 1,354 มิลลิเมตร อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี 1,205 มม. ส่วนพื้นที่ปลายน้ำ อบต.บานา อ.เมือง มีฝนสะสม 651 มม. ส่วนที่พรุลานควาย อ.ทุ่งยางแดง ก็สูง 1,310 มม. ซึ่งเป็นฝนที่ตกลงมาแล้วจะทำให้น้ำท่วมสูง 1.30 เมตร ทำให้ปีนี้น้ำท่วมทุ่งเพิ่มมา 5 เท่า อย่างที่ทุ่งยางแดง น้ำท่วมสูงกว่าปีที่แล้ว 50 ซม.รวมถึงเหนือเขื่อนบางลางและที่ อ.เมือง จ.ยะลา ฝนสะสม 964 มม. จึงทำให้จังหวัดปัตตานีรับศึกหนัก เพราะยังมีน้ำทะเลหนุนสูงและคลื่นลมสูงด้วย รวมถึงการปล่อยน้ำจากเขื่อนบางลาง แม้ฝนรอบนี้จะรอด แต่ต้องนำบทเรียนน้ำท่วมรอบแรกไปเตรียมตัวรับมือฝนรอบสามในวันที่ 13-16 ธ.ค.นี้ ป้องกันน้ำท่วมรอบสอง ต้องให้ประชาชนและภาครัฐเตรียมรับมือด้วย



ส่วนที่เขื่อนปัตตานี ระดับน้ำลดต่ำกว่าตลิ่งแล้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี เปิดเผยว่า จากการปล่อยน้ำเขื่อนบางลาง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ปลายน้ำตั้งแต่อ.เมือง จ.ยะลา จนถึงอ.เมือง จ.ปัตตานี เพราะน้ำในแม่น้ำปัตตานีได้ลดต่ำกว่าตลิ่งแล้ว เหลือที่สะพานเดชานุชิต เทศบาลเมืองปัตตานี ที่ยังสูงกว่าตลิ่ง 14 เซนติเมตร ทำให้บางพื้นที่น้ำยังไม่ลด รวมถึงที่ ต.ปะกาฮะรัง ยังสูงกว่าตลิ่ง 1.10 ม. ทำให้น้ำยังท่วมสูง โดยวันนี้คณะกรรมการเขื่อนบางลางจะระบายน้ำเพิ่มเป็น 18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนฝนที่จะตก 3-5 ธันวาคม ไม่ส่งกระทบมากแล้วเพราะตกไม่หนัก แต่ต้องรอฝนอีกช่วง 13-16 ธันวาคม คาดว่าจะตกไม่หนักเท่ารอบแรก ก็จะทำให้น้ำท่วมท่วมอยู่ที่จังหวัดปัตตานี จะใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ จึงจะลดลง



ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี ยอมรับว่าน้ำท่วมปีนี้หนักที่สุดในรอบ 30-40 ปี อย่างระดับน้ำที่เขื่อนปัตตานี สูงกว่าปี 2531 ประมาณ 40 เซนติเมตร และส่งผลกระทบหนักมาก การจัดการของกรมชลประทาน จะเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ที่น้ำในแม่น้ำปัตตานีต่ำกว่าตลิ่งแล้วในระหว่างนี้จึงขอให้ประชาชนต้องเฝ้าระวังฝนรอบใหม่ด้วย