ขยายผล 'ไร่ภูนับดาว' ออก ส.ป.ก.ทับป่าสงวนฯ พบเพิ่มกว่า 600 ไร่ ออกโดยมิชอบ

มีความเคลื่อนไหว กรณีการตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ที่จังหวัดสระบุรี ที่มีประเด็นต่อเนื่องเรื่องเงิน 10 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีหญิงคนใกล้ชิดอดีตรองนายกรัฐมนตรี ต่อมามีคำชี้แจงว่าเป็นเงินชำระหุ้นกู้ ที่ถึงกำหนดไถ่ถอนคืน โดยวันนี้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามนักข่าวทางโทรศัพท์ที่ถามว่า เรื่องนี้เพ่งเล็งไปที่พลเอกประวิตร ซึ่งพลเอกประวิตร ตอบว่า ไม่มีอะไร ไม่เคยทำอะไรผิด จากนั้นก็วางสายไป และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ก็ระบุว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การแก้แค้นทางการเมือง แต่เป็นการตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. อย่างเข้มข้น ต่อเนื่องจากรัฐมนตรีฯคนที่แล้ว



นั่นเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของผู้เกี่ยวข้อง แต่ประเด็นที่ข่าว 3 มิติ เกาะติดเรื่องนี้คือพบพิรุธการออก ส.ป.ก. ที่ไม่ได้มีเฉพาะแปลงที่เป็นรีสอร์ทภูนับดาว เท่านั้น แต่ประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่เคยไปตรวจที่นั่น พบว่าอย่างน้อย 600-700 ไร่ ที่เป็น ส.ป.ก.นั้น ออกทับพื้นที่สวนป่า ของกรมป่าไม้ ซึ่งต้องเพิกถอนทั้งหมด



ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ยืนยันกับข่าว 3 มิติว่า กำลังจับตากรณีไร่ภูนับดาว เข้าไปทำประโยชน์บนที่ดิน ส.ป.ก.กว่า 100 ไร่ โดยมี 3 เหตุผลหลัก คือการตรวจสอบดังกล่าวอยู่ในแผนงานของกรรมาธิการ ที่จะตรวจสอบปัญหาทับซ้อนเรื่องแนวเขต ที่มีอยู่หลายพื้นที่



เหตุผลที่สองคือ นายชีวะภาพเคยเข้าไปตรวจสอบที่นี่มาแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม และเหตุผลที่สามคือ ที่นี่เคยเป็นสวนป่าของกรมป่าไม้อยู่แล้ว แม้มีการประกาศเขต ส.ป.ก.ทั้งอำเภอ แต่ในการสำรวจออกแลง ก็ต้องกันสวนป่าออกจาก เขต ส.ป.ก



แปลงป่าสักนี้คือส่วนหนึ่งของสวนป่า ซึ่งทีมข่าว 3 มิติ โดยนายสถาพร ด่านขุนทน ติดตามเจ้าหน้าที่ ทั้งกรมป่าไม้ ปปท.และกอมรม. เข้าไปที่นั่น พบว่ามีการออก ส.ป.ก. บนแปลงที่มีหลักฐานว่าเป็นสวนป่าชื่อ ป่าปางหัวช้าง-คลองไทร



โดยหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างบนที่ ส.ป.ก. ที่เข้าไปตรวสอบขณะนี้ ก็คือรีสอร์ท ชื่อภูนับดาว ผู้ดูแลรีสอร์ทขณะนั้น ก็เป็นบุคคลที่เคยถูกศาลจำคุกฐานบุกรุกแผ้วถางป่า แต่ต่อมาเขายังกลับมาได้สิทธิ์ ส.ป.ก. บนแปลงที่เขาบุกรุกนั้นด้วย



คือเดิมบุกรุกแผ้วถางป่า ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ตอนนี้กลายเป็นออก ส.ป.ก.ทับส่วนป่า ซึ่งกรณีหลังมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วย โดยนายชีวภาพระบุว่า ส.ป.ก.ทับซ้อนสวนป่าไม่ใช่เฉพาะกรณีไร่ภูนับดาว แต่พื้นที่ข้างเคียงอีกกว่า 600 ไร่ ก็ทับซ้อนเช่นกัน



นอกจากทีมฯ กรมป่าไม้ โดยชุดพยัคไพร ปปท.และกอ.รมน.แล้ว กรรมาธิการกระจายอำนาจฯ สภาผู้แทนราษฎร ก็เคยตรวจสอบที่นี่เมื่อปี 2565 และพบข้อเท็จจริงว่าในบรรดา ผุ้ครอบครอง ส.ป.ก.นั้น ขณะนั้พบอย่างน้อย 41 คน มีสถานะเป็นพนักงานบริษัท มีเลขประกันสังคม ของบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์บ้าง บริษัทอสังหาริมทรัพย์บ้าง คนเหล่านี้ ถูกสงสัยว่าเป็นเกษตรจริงหรือไม่



ข้อเท็จจริงเหล่านี้บ่งชี้ว่า นอกจากมีการ้องเรียนการสร้างรีอสร์ บนที่ดิน ส.ป.ก. อย่างกรณีภูนับดาวแล้ว ยังมีประเด็นต้องตรวสอบให้กระจ่างว่า



ผุ้ครองครองอีกหลายคนเป็นเกษตรจริงหรือไม่ และแปลงที่เกษตรกรครองครองอยู่นั้น แท้จริงแล้ว เป็น ส.ป.ก.ที่ออกทับสวนป่า ด้วยหรือไม่