สังคม
'บิ๊กเต่า' ประชุมความคืบหน้า 6 คดี ขอเวลา 10 วัน ทำคดี 'ฟิล์ม-กฤษอนงค์'
โดย panisa_p
18 พ.ย. 2567
14 views
ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวเนื่องกับคดีดิไอคอน วันนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานเเก้ว เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บก.ปปป.ติดตามความคืบหน้า 6 คดีดังที่เกี่ยวข้องกับบริษัท "ดิ ไอคอน กรุ๊ป" ทั้งกรณีของ"ฟิล์ม รัฐภูมิ-เจ๊พัช" เอกภพ สายไหมต้องรอด และนักการเมือง ส.เสือ ส่วนคดีกรรโชกทรัพย์-เรียกรับสินบน ตำรวจคุมตัว"นางสาวกฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช" ไปฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว ซึ่งปรากฎว่าไม่มีญาติมายื่นขอประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งไปที่ทัณฑสถานหญิงกลางทันที
เวลาประมาณ 10 โมงเช้าวันนี้ ตำรวจกองปราบปราม ได้คุมตัว"นางสาว กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์" หรือ เจ๊พัช ผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์ และ เป็นตัวกลางเรียกรับสินบนในคดีรีดเงินบอสพอล 7 แสน 5 หมื่นบาท ไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยแนบคำร้องต่อท้ายระบุว่า กลัวจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และข่มขู่พยาน
ระหว่างคุมตัวไปขึ้นรถ ผู้ต้องหายกมือไหว้สื่อมวลชนที่รออยู่หน้าอาคาร เธอไม่ได้ตอบคำถามเเละเดินไปขึ้นรถทันที รถตู้กองปราบปราม มาถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในเวลา 10.20 น.
ขณะที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ได้ส่งทีมทนายความมาขอคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่านางสาวกฤษอนงค์จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน มีรายงานว่าการฝากขังวันนี้ ไม่มีทนาย หรือญาติมายื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ช่วงเย็นวันนี้ นางสาวกฤษอนงค์ ถูกส่งตัวเข้าไปที่ทัณฑสถานหญิงกลางทันที
อีกด้านหนึ่ง มีความเคลื่อนไหวมาจาก รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานเเก้ว เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บก.ปปป. ติดตามความคืบหน้า 6 คดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับบริษัท "ดิ ไอคอน กรุ๊ป" โดยใช้เวลาประชุมราว 2 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาเปิดเผยความคืบหน้าแต่ละคดี
คดีแรก คือเรื่องของนางสาว กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช ที่เรียกรับเงิน 3 แสน และ4 แสน 5 หมื่นบาท จากบริษัทดิไอคอน
คดีที่ 2 เป็นคดีของคุณหนุ่ม กรรชัย ที่แจ้งความหมิ่นประมาททั้งกับเจ๊พัช และฟิล์มรัฐภูมิ ที่แอบอ้างชื่อและรายการโหนกระแส
คดีที่ 3 เป็นกรณีของ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งความเอาผิดเจ๊พัช ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังแอบอ้างชื่อเธอและคุณพ่อ
คดีที่ 4 เป็นเรื่องที่เจ๊พัช และฟิล์ม เรียกรับเงินจาก "นางสาวปัญจรัศม์ หรือบอสปัน 20 ล้าน แลกกับการออกรายการโหนกระแส
และอีก 2 คนที่โดนตรวจสอบและกำลังจะถูกดำเนินคดี คนเเรกก็คือ นักการเมืองอักษรย่อ ส.เสือ ที่ปรากฎเส้นทางรับโอนเงินจากแม่เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาทในช่วง 3 ปี ระหว่างช่วงปี 2564 - 2567 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ หากไม่มีผู้ร้องทุกข์แจ้งความก็อาจจะดำเนินการได้ในฐานะที่นายส.เสือ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดคดีอาญาทุจริต แต่หากผลสรุปแล้วไม่สามารถดำเนินคดีได้ ก็จะเขียนเป็นรายงานสืบสวนส่งให้ดีเอสไอ ดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน
และเรื่องที่ 6 เป็นคดีของ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ที่พาพยานเท็จออกสื่อและเข้ามาให้การกับตำรวจ คดีนี้คืบหน้าไปแล้วประมาณแล้ว 80-90% ถ้าไม่ติดปัญหาอะไร จะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ส่วนพยานจะโดนด้วยหรือไม่ และจะเข้าข่ายในเรื่องอะไรบ้างนั้น ก็ให้ทางพนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา ซึ่งต้องปรึกษาร่วมกับ พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางด้วย ว่าเนื้อหาในสำนวนมีอะไรขาดตกบกพร่องบ้างหรือไม่ และสาเหตุที่ต้องดำเนินคดี เพราะถือว่าสร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม
ส่วนความเคลื่อนไหวของฟิล์ม รัฐภูมิ มีรายงานว่าได้ไปยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว โดยทางพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้แจ้งลาออกจากการเป็น สมาชิกพรรคพลังประชารัฐต่อกกต.แล้ว เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังเกิดกรณีคลิปเสียงเงิน 20 ล้าน กับเจ๊พัช ใน คดีดิไอคอน และมีการแอบอ้าง"หนุ่ม กรรชัย" เเละรายการโหนกระแส การลาออกครั้งนี้ ถือเป็นการออกก่อนที่พรรคจะประชุมพิจารณาเรื่องนี้
สำหรับเส้นทางการเมืองของฟิล์ม ย้ายเข้า-ย้ายออกมาแล้ว 4 พรรค ในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2565 โดยเริ่มจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไท ปี 2561 ในตำแหน่งรองโฆษกพรรค และลงเลือกตั้งสส.กับพรรคปี 2562 แต่สอบตก จากนั้นย้ายไปสมัครพรรคเพื่อไทย ปี 2562 ทำหน้าที่รองโฆษกพรรคเช่นกัน ก่อนจะลาออกตามคุณหญิงสุดารัตน์ มาอยู่พรรค พรรคไทยสร้างไทยในปี2563 ทำหน้าที่รองโฆษกพรรค
กระทั่งปี 2565 ฟิล์มย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ มีตำแหน่งเป็นรองโฆษกพรรคเหมือนเดิม และลงเลือกตั้งสส. กับพรรคในปี 2566 แต่ก็สอบตกอีก หลังจากนั้นก็ไม่ร่วมกิจกรรมใด ๆ กับพรรคแต่ยังเป็นสมาชิก จนมีกรณีปัญหาส่วนตัวเกิดขึ้น จึงลาออก เพื่อไม่ให้กระทบกับพรรคพลังประชารัฐ